ลิขสิทธิหนัง

ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ

การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นปัญหาที่สำคัญอีกปัญหาหนึ่ง สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ซีดีเพลง (มักเป็นซีดีรวมไฟล์เพลงประเภท MP3) วีซีดีและดีวีดีหนัง ทั้งหนังไทยและต่างประเทศ รวมไปถึง ซอฟต์แวร์ เกม และโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ โดยสถานที่ที่มีปัญหาเรื่องการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มาก ได้แก่ พันธุ์ทิพย์พลาซ่า, คลองถม, เซียร์ รังสิต, ตะวันนา เป็นต้น ซึ่งสามารถพบเห็นและหาซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ได้โดยง่าย สะท้อนให้เห็นถึงการไม่เอาจริงเอาจัง ในการบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ และการที่ผู้ซื้อไม่เห็นความสำคัญของการละเมิดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา
ประเทศไทยอยู่ในอันดับต้น ๆ ของประเทศที่มีปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์[ต้องการอ้างอิง] โดยในปี พ.ศ. 2550 นั้น ประเทศไทยมีการละเมิดลิขสิทธิ์สูงสุดเป็นอันดับ 4 ในเอเชียแปซิฟิก ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

งานสร้างสรรค์ประเภทต่างๆ ที่กฎหมายกำหนดไว้อันอาจมีลิขสิทธิ์ได้ เป็นที่ยอมรับกันว่าต้องเป็นงานที่เกิดจากความคิดริเริ่มขึ้นเอง (Originality) ของผู้สร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์ในลักษณะที่ผู้สร้างสรรค์ได้ใช้ความวิริยะอุตสาหะในการสร้างสรรค์งานนั้น (Creative Effort) งานอันมีลิขสิทธิ์ไม่จำต้องเป็นงานใหม่ที่ไม่มีใครทำมาก่อน (Novelty) เพียงแต่ผู้สร้างสรรค์งานคิดเริ่มขึ้นเองโดยไม่ได้ลอกเลียนแบบกัน แม้งานที่ปรากฏออกมาจะคล้ายคลึงกัน งานเหล่านั้นก็ได้รับความคุ้มครองอย่างงานอันมีลิขสิทธิ์เท่าเทียมกัน และเนื่องจากกฏหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครองผลงานของงานที่เกิดจากความคิดริเริ่มและความวิริยะอุตสาหะของผู้สร้างสรรค์ ฉะนั้น จึงเป็นการคุ้มครองในรูปแบบของงานที่ผู้สร้างแสดงออก (Form of Expression) มิได้ให้ความคุ้มครองแก่ตัวความคิด (Idea) ซึ่งยังมิได้แสดงออกมาเป็นผลงานแต่อย่างใด เช่น ผู้แต่งนวนิยาย เพียงกำหนดเค้าโครงเรื่องที่จะเขียนไว้แต่ยังไม่ทันลงมือเขียน มีผู้แอบเอาเค้าโครงเรื่องนั้นมาเขียนเป็นนวนิยายก่อนเช่นนี้ จะถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ยังไม่ได้ เพราะกฎหมายยังไม่ได้ให้ความคุ้มครองแก่เค้าโครงเรื่องซึ่งยังเป็นเพียงตัวความคิด สิทธิในลิขสิทธิ์เป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Right) ของเจ้าของสิทธิในอันที่จะหวงห้ามมิให้บุคคลอื่นมาแสวงหาประโยชน์จากผลงาน อันเกิดจากความวิริยะอุตสาหะในทางสร้างสรรค์ของมนุษย์โดยไม่ได้รับอนุญาต หนังถือเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทหนึ่งที่กฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครอง ซึ่งในงานหนังแต่ละเรื่องจะมีงานอันมีลิขสิทธิ์อื่นประกอบอยู่ด้วย อันถือได้ว่างานหนังเป็นงานพิเศษซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวโดยภาพ จะมีเสียงหรือไม่มีเสียงก็ได้ ดังนั้น เมื่อมีการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานหนังก็ไม่ควรให้เจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์อื่นมีสิทธิเรียกร้องสิทธิในงานที่อยู่ในงานหนังดังกล่าว จึงควรมีการวางแนวทาง เพื่อตีความให้เกิดความเป็นธรรมที่สุดแก่เจ้าของงานหนัง ในการมีสิทธิเรียกร้องจากการกระทำละเมิดต่องานหนังแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งควรพิจารณาจากเจตนาของผู้กระทำละเมิดว่าต้องการกระทำต่องานอันมีลิขสิทธิ์ใด