Goodbye Christopher Robin

เรื่องย่อ

สงครามสร้างบาดแผลในใจเขา มันบาดลึกและแทรกซึมในทุกๆความรู้สึก ภาพความตาย ความเจ็บปวด ฝุ่นควัน เสียงปืน ยังคงกึกก้องและฝังอยู่ในใจของ เอ.เอ. มิลน์ อดีตนายทหารอังกฤษที่ไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 เขากลับมาพร้อมความโศกเศร้าที่ฝังอยู่ในใจ ถึงแม้จะพยายามซุกซ่อนมันไว้ แต่มันไม่เคยจางหายไปเสียที อย่างไรก็ตาม เขาก็หาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้ด้วยการยึดอาชีพเป็นนักเขียนบทละครเวทีแนวตลกขบขัน เพื่อทุเลาความเจ็บปวดในใจ เหมือนฝันร้ายที่ไม่มีวันลดเลือนไปได้ง่ายๆ ในช่วงเวลานี้ เขาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงในทุกเหตุการณ์ที่จะทำให้เขาหวนนึกถึงมัน จนท้ายสุดเขาต้องตัดสินใจออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ ด้วยการย้ายไปอยู่ในบ้านพักกลางป่าที่เงียบสงบ เพื่อหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการเขียนนิยาย พร้อมลูกชายของเขา คริสโตเฟอร์ โรบิน และคุณป้า โอลีฟ ถึงแม้จะถูกหลอกหลอนด้วยภาพความหดหู่จากสงคราม แต่เขายังมีช่วงเวลาดีๆ กับลูกชายสุดที่รักของเขา นั่นคือการใช้เวลากับลูก มันคือยาวิเศษที่ช่วยทำให้บาดแผลในใจของเขาให้เจ็บปวดน้อยลงได้ รวมทั้ง ภาพความน่ารัก ไร้เดียงสาของเด็กน้อยที่เล่นกับเหล่าตุ๊กตาและเหล่าของเล่น โดยมีลูกชายเป็นตัวละครร่วมเล่นด้วย ภาพชินตานี้ กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตเขา ทำให้เขาแต่งหนังสือและเรื่องราวสุดน่าประทับใจขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง เขาได้พยายามประคับประคองครอบครัวให้อยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น ควบคู่ไปกับงานของเขาที่กำลังไปได้ดี แน่นอนว่าผลงานที่ได้แรงบันดาลใจมากจากลูกชายของเขานั้น ได้รับการตอบรับที่ดีและเป็นที่นิยมของผู้อ่านชาวอังกฤษเป็นอย่างมาก หนังสือที่เต็มไปด้วยความสดใส นำมาซึ่งความหวังที่จะเยียวยาความเศร้าโศกแก่ผู้คน หลังช่วงสงครามผ่านไป แต่ชื่อเสียงและความสำเร็จของเขากลับนำมามาซึ่งความห่างเหิน รวมทั้ง ความสัมพันธ์ที่เริ่มเปราะบางมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเขาและลูกชาย

ตัวอย่าง

สำหรับดูหนัง Goodbye Christopher Robin ดูแบบผิวเผิน ที่เป็นหนังแนวอบอุ่นเสริมสร้างกำลังใจ แต่จริงๆแล้ว อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาหนักๆ หลายประเด็น โดยเฉพาะภัยสงครามและความขัดแย้ง ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้คนเป็นอย่างมาก ถึงแม้สงครามจะจบไปแล้ว แต่ความเศร้า ความหวาดกลัว จะยังคงอยู่ในใจของผู้คน เหมือนกับตัวละครสำคัญอย่าง เอ.เอ. มิลน์ ได้รับมา และมันยังส่งผลกระทบไปถึงครอบครัวและคนรอบข้าง นอกจากประเด็นนี้แล้ว คงจะมีเรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ที่ทั้งแน่นแฟ้นและเปราะบางในเวลาเดียวกัน แต่ก็ยังมีเรื่องราวของความมานะ ความพยายาม ความหวังที่ไม่สิ้นสุดให้ชีวิตก้าวผ่านอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จได้ รวมๆแล้วดูพอเหมาะพอดี สำหรับหนังเรื่องนี้ ที่ไม่ได้ทำให้ผู้ชมหลงลืมว่าชีวิตจริงของคนเรานั้น มีแต่เรื่องที่สมหวังไปเสียทุกอย่าง ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย มีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องแลก ไม่มีอะไรที่ได้มาแบบไม่ต้องเสียอะไรไป