Office

เมื่อการทำงานคือการอยู่รอดของชีวิตและครอบครัว ทุกอย่างจึงกลายมาเป็นความกดดัน และภาระอักนหักอึ้งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การได้ทำงานคือผู้อยู่รอด แต่การออกจากงานคือความตาย แล้วใครจะไม่อยากอยู่รอด อย่างน้อยก็เพื่อคนที่รักจะได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อ นี่เป็นเพียงการทำงานที่เสมือนอยู่ในสมรภูมิเลยก็ว่าได้ สำหรับ คิมบยองกุก หนุ่มออฟฟิศ รับหน้าที่เป็นหัวหน้างานฝ่ายขาย เขาเป็นชายหนุ่มที่ทุ่มเทให้กับการทำงานเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ และเบื้องหลังคือครอบครัวที่เขารัก การทำงานที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและแรงกดดัน เมื่อถึงจุดที่ทนไม่ไหว ความเครียดที่สะสมจนสุดจะกลั้น เขาได้ทำสิ่งที่ไม่คาดคิดด้วยการก่อคดีฆาตกรรมคนในครอบครัวอย่างโหดเหี้ยม เพื่อการระบายความอัดอั้น แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสยองขวัญ เขาไม่กลับมาทำงาน และคืนนั้นที่เขาได้สังหารคนในครอบครัวเขากลับมาที่ออฟฟิศ เพื่องานที่เป็นชีวิตและจิตใจของเขา เมื่อการสืบคดีเริ่มต้นไปพร้อมกับความหวาดกลัวของพนักงานในบริษัทที่เขาทำงานอยู่  พนักงานออฟฟิศเริ่มทยอยหายไปทีละคน สร้างความหวั่นวิตกให้แก่พนักงานทั้งองค์กร โดยเฉพาะพนักงานที่ทำโอทีรอบดึก การคลี่คลายคดีสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป สำหรับการตามล่าฆาตกรผู้รักในการทำงานมากเช่นนี้

พนักงานดีเดือด เป็นเรื่องราวของ คิมบยองกุก ผู้ทุ่มเทแทบจะทั้งชีวิตให้กับงานในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายขาย แน่นอนว่าการต้องทำเป้าให้ได้ตามยอดทุกๆไตรมาสนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และมันสร้างความเครียดสะสมให้เขามากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  จนกระทั่งเมื่อความเครียดดำเนินมาถึงขีดสุด เขาจึงลงมือฆ่าคนในครอบครัวอย่างโหดเหี้ยมเพื่อระบายความเครียด คิมบยองกุก เดินกลับมาที่ทำงานหลังการฆาตกรรมเสร็จสิ้น และไม่มีใครเห็นเขาเดินออกจากออฟฟิศ นั่นหมายความว่าเขาอาจจะเป็นยังเป็นฆาตกรจอมโหดที่ยังอยู่ในออฟฟิศซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับพนักงานคนอื่นยิ่งนัก หลังจากนั้นคนในออฟฟิศก็เริ่มตายไปทีละคนๆ เมื่อนั้นบรรยากาศแห่งความกดดันก็อบอวลไปทั่ว เหมือนดังเช่นยามที่พนักงานขายอย่างคิมบยองกุกถูกกดดันยอดขายอย่างไรอย่างนั้น

ความเครียดทำอะไรคนได้บ้าง และงานฆ่าคนได้อย่างไร บางทีหนังเรื่องนี้อาจจะเป็นคำตอบให้คนดูอย่างเราได้ ในการทำงานจริงนั้นความกดดันบางครั้งก็ไม่อาจจะแยกออกจากเรื่องส่วนตัวได้ หลายคนแบกความเครียดไประบายใส่คนที่บ้าน และดูเหมือนว่าหนังก็จะทำให้เราเห็นภาพอย่างนั้น ความเครียดจากการทำงานไม่เพียงทำร้ายเรา แต่บางครั้งอาจจะฆ่าคนในครอบครัวเราได้ด้วย เพียงแต่ภาพที่หนังนำเสนออาจจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น เพื่อให้เห็นถึงความชัดเจน ความกดดันในการทำงาน หากเปรียบไปก็เหมือนการที่เราต้องอยู่ในสถานที่ที่เราไม่อาจไว้ใจได้เลยว่าจะตายวันไหน การถูกกดดันเรื่องยอดและเรื่องการทำงานก็เช่นกันไม่ต่างจากการที่เราระแวงว่ามีฆาตกรอยู่ในออฟฟิศ เพราะเรากลัวจะตาย กลัวจะถูกฆ่า สิ่งเหล่านี้ทำให้เราไม่อยากมาทำงานนั่นเอง เรียกได้ว่าหนังเอาความกดดันของการทำงานอย่างแท้จริง มานำเสนอผ่านการฆาตกรรมที่จะทำให้เราต้องหวาดผวา และระทึกไปด้วย ส่วนคนดูอย่างเรามีหน้าที่เดินตามไปดูว่าปมของหนังจะคลี่คลายไปทางไหน อยากรู้ก็ต้องไปดู! บอกเลยว่าประเด็นหนังน่าสนใจมาก คอดราม่า และคอหนังสายรางวัลไม่น่าพลาด! หนังเรื่องนี้ ได้รับเกียรติในการเข้าฉายที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ ครั้งล่าสุดมาแล้ว การนำพาผู้ชมให้ไปพบกับความระทึก และหาทางออกจากอันตรายนั้น เป็นเรื่องยากเสียแล้ว การใส่อารมณ์ความดิบของมนุษย์ที่ถูกบีบคั้นจนร้ทางออก ทำให้ผู้ชมเข้าใจว่า การทำงานไม่ใช่แค่การทำงาน มันอาจเป็นเกมส์ๆหนึ่ง ที่ไร้ซึ่งข้อต่อรองใดๆ หากคุณไม่แข็งแกร่งพอที่จะยืนอยู่จุดนั้น  3 มีนาคมนี้ มาร่วมพิสูจน์คำกล่าวที่ว่า “งานหนักไม่เคยฆ่าคน” นั้นเป็นเรื่องจริงอย่างที่เคยเชื่อหรือไม่