Son of Saul

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีน่าดูอีกเรื่อง

สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงเวลาที่แสนหดทู่และความทรมานใจของประวัติศาสตร์โลกครั้งหนึ่ง ตุลาคม ปี ค.ศ. 1944 ชายชาวยิวฮังกาเรียน ชื่อว่า ชาอูล ถูกทหารนาซีจับตัวไปนั่นยังไม่โหดร้ายพอกับการที่เขาต้องถูกพรากจากครอบครัว รวมทั้งมีคนที่เขาและรู้จักมากมายเสียชีวิตด้วยน้ำมือของพวกนาซี แต่เขาได้รับหน้าที่ด้านการทำลายศพของนักโทษที่ถูกทรมานให้ตายด้วยวิธีต่างๆ ที่เรียกว่า Sonderkommando แลกกับการถูกทรมานจนตาย ในค่ายกักกันเอาซ์วิตที่ขึ้นชื่อในเรื่องความทารุณ โหดร้ายและป่าเถื่อนที่สุด การทำลายศพจากผู้ถูกรมแก๊สพิษผ่านๆป ทุกวันๆ จิตใจของเขาก็เศร้าหมองลงทุกวันเช่นกัน ที่ได้เห็นเพื่อนร่วมชาติต้องตายไปอย่างทรมานและล้วนแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ จนวันหนึ่ง เขาได้พบศพเด็กชายคนหนึ่ง และเขาเชื่อว่าเด็กคนนั้นคือลูกชายของเขา เขารู้สึกผิดที่ทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดี และไม่สามารถปกป้องลูกครอบครัวจากอันตรายได้ เด็กชายคนนั้นที่เขาเชื่อว่าเป็นลูก คือการประทานพรจากพระเจ้าให้เขาได้มีโอกาสทำหน้าที่พ่ออีกครั้ง ด้วยการนำศพเด็กไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ด้วยวงล้อมของทหารนาซีและค่ายกักกันอันน่ากลัวแห่งนี้ เขาจะทำตามความมุ่งหมายได้หรือไม่ เขารู้ว่าหากพลาดไปเพียงนิดเดียว อาจทำให้ชีวิตของเขาไม่อยู่ถึงวันพรุ่งนี้

Son of Saul เป็นเรื่องราวของเหล่านักโทษที่อยู่ในค่ายกักกันชาวยิวเอาชวิทย์ ซึ่งจะมีการนำนักโทษจำนวนหนึ่งมามอบหมายหน้าที่ที่เรียกว่า Sonderkommando ผู้ซึ่งมีหน้าที่คอยเก็บศพชาวยิวที่ถูกรมแก๊สจนเสียชีวิต และซอล นักโทษชายครึ่งยิวครึ่งฮังการีก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ทำหน้าที่อันแสนหดหู่นี้ ซอลทำหน้าที่นี้เรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งศพที่เขาได้ไปเก็บนั้นเป็นศพของเด็กชายคนหนึ่งที่เขารู้สึกถึงบางครั้งที่กระแทกเข้ามาในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะตามหารับบี้ (ผู้เป็นที่เคารพทางศาสนาของชาวยิว) เพื่อที่ศพของเด็กชายนั้นจะได้ได้รับการทำศพทางพิธีอย่างถูกต้องตามประเพณี หากแต่มันก็ไม่ง่ายเลย เมื่อเขายังเป็นนักโทษที่ต้องทำหน้าที่เก็บศพไปพร้อมๆกับการแอบตามหารับบี้ด้วย

หากดูตามตัวอย่างเราจะพบบรรยากาศของค่ายกักกันที่ชวนหดหู่ แม้ว่าตัวภาพนั้นจะไม่ได้ใช้เหตุการณ์รุนแรงใดๆเลยก็ตาม หากแต่แค่เพียงบรรยากาศการแออัดยัดเยียดที่ไร้อิสรภาพนั้นก็พอจะทำให้เรามองเห็นแล้วว่ามนุษย์นั้นกระทำต่อกันได้โหดร้ายเพียงใด หากแต่ตัวละครอย่างซอลก็เป็นเสมือนแสงสว่างแห่งความศรัทธาที่มิได้ถูกความหมดหวังความสิ้นหวังทำลายพลังในหัวใจ เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ลุกขึ้นมาตามหารับบี้ที่จะมาทำพิธีทางศาสนาให้กับศพของเด็กชายผู้ที่เขารู้สึกพิเศษนี้ด้วยเป็นแน่ สิ่งที่น่าสนใจคือการใช้ภาพนั้นบอกเล่าเรื่องราว บอกความรู้สึกให้เข้าไปนั่งในใจของคนดู บางครั้งความโหดร้ายไม่ต้องเกิดจากภาพอันทารุณเสมอไป แค่บรรยากาศที่เก็บรายละเอียดให้ดูเพียงเลือนรางกับฝีมือเจ๋งๆของผู้กำกับก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้หนังดีๆเรื่องหนึ่งเป็นที่น่าจดจำในใจคนดูไปตลอดกาล ไปชมกัน ห้ามพลาด! หนังที่มีรางวัลการันตีมากมาย โดยเฉพาะเป็นรางวัลระดับโลก ไม่ควรพลาดที่จะตีตั๋วเข้าชม บางครั้งหนังอาจอยากถ่ายทอดอะไรที่มากกว่าความโหดร้ายของสงคราม ความเมตตาของมนุษย์และความรัก ยังคือสิ่งที่หลายคนยังโหยหาและอาจมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า วันนี้เรามีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมากพอแล้วหรือยัง กุมภาพันธ์นี้มาร่วมพิสูจน์ความสะเทือนอารมณ์อันทรงพลังได้แล้วที่โรงหนังใกล้บ้านคุณ