Underworld 5: Blood Wars

 

ส่งท้ายปีกันด้วยความมันส์ของเคท เบคคินเซล ที่จะมาปะทะเดือดกับคู่ปรับตลอดกาล เพื่อจะสร้างความมันส์ให้กับคนดูได้สะใจส่งท้ายปี กับการเดินทางมาถึงภาคที่ 5 แต่จะใช้คำว่าภาค 5 ก็กระไรอยู่ เลยตั้งชื่อสวยๆว่า Underworld : Blood wars ภายใต้การกำกับของ แอนนา ฟอสเตอร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้กำกับหนังใหญ่ หลายคนเลยลุ้นพอสมควรว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง ก็ต้องตามดูกัน ส่วนสถานที่ถ่ายทำนั้นเป็นกรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ก

Underworld 5: Blood Wars กับเนื้อเรื่องที่น่าติดตามดูหนัง

การป้องกันตัวเองจากศัตรูของเซลีน มันเป็นความพยายามที่เธอจะทำให้เผ่าพันธุ์แวมไพร์กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ในความหมายของเธอนั้นคือการอยู่อย่างสมศักดิ์ศรี เธอเองรอดชีวิตจากการต่อสู้มาอย่างหนัก เธอดูอ่อนแรงหลังจากต้องต่อสู้มานานหลายปี อย่างไรก็ตามความขัดแย้งระหว่างแวมไพร์กับยังคงอยู่ ยังมีแวมไพร์และไลเคนต่อสู้กันและไม่สามารถหลุดรอดออกมาจากสมรภูมิได้มีทั้งปรากฏตัวและไม่ปรากฏสิ่งใดให้เห็น ต่างฝ่ายต่างต้องการเป็นผู้ชนะและยิ่งกว่านั้นคือศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์ตัวเอง การสู้รบไม่มีทีท่าว่าจะจบง่ายๆ เมื่อเวลาผ่านเลยไป ได้เกิดแวมไพร์รุ่นใหม่และไลเคนรุ่นใหม่ตามมาด้วย และหัวหน้าคนใหม่ของไลเคนที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายเยือกเย็น ยิ่งทำให้การประสานรอยร้าวของทั้งสองฝ่ายยากขึ้นไปอีก เซลีนได้พยายามรวบรวมแวมไพร์และเพื่อนร่วมต่อสู้ของเธอกลับมา เพราะเธอมีความหวังว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ถึงแม้ไลเคนจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แวมไพร์ก็ต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง ไลเคน ได้พัฒนาสายพันธุ์และความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตรงข้ามกับแวมไพร์ที่ดูจะอ่อนแอลงทุกวัน นั่นอาจเป็นเพราะพวกเขาขาดผู้นำและเบื่อสงครามจนทำให้ไม่อยากต่อสู้อีกแล้ว ถึงแม้อีกด้านหนึ่งยังมีแวมไพร์ผู้กล้ายังอยู่ในการสู้รบสุดหฤโหดอยู่ก็ตาม เซลีน ต้องให้กำลังและปลุกใจพวกเดียวกันเพราะหากยอมแพ้วันนี้ อีกไม่นานแวมไพร์อาจต้องสูญพันธุ์ไปจากโลก เซลีนและแกนนำแวมไพร์จะหาทางโค่นล้มไลเคนได้อย่างไร การปลุกใจแวมไพร์รุ่นใหม่ให้มาต่อสู้ การสร้างความฮึกเฮิมคือด่านแรกที่เธอต้องผ่านไปให้ได้ แล้วหลังจากนั้นสงครามเลือดของระหว่างสองเผ่าพันธุ์จะอุบัติขึ้นบนโลกนี้เป็นครั้งสุดท้าย

ตัวหนังยังคงความเป็นดูหนังแอ็คชั่นที่เดินเรื่องด้วยหญิงสาวสุดแกร่งเหมือนเช่นดังเดิมในส่วนของนักแสดงได้เคท เบคคินเซลมารับบทนำ เพราะฉะนั้นเรื่องท่วงท่าการบู๊ การต่อสู้ที่มันส์ระห่ำแบบหญิงแกร่งจึงไม่มีอะไรน่ากังวล อีกทั้งคนดูที่ติดตามมาตั้งแต่ภาคแรก น่าจะผูกพันและเข้าใจตัวละครเป็นอย่างดี จึงเท่ากับว่าในด้านนักแสดงเองก็ยังดึงดูดคนดูให้สนใจเรื่องนี้ได้ ในส่วนของฝีมือการแสดงก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอยู่แล้ว ผลงานเก่าๆพอจะการันตีได้ดี ในส่วนของนักแสดงใหม่ที่มาเสริมทัพ แม้จะมาจากทีวีซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่น่าจะต้องกังวลเพราะอย่างไรเสียบทนำก็น่าจะเทมาที่เบคอยู่แล้ว ในส่วนของประเด็นเรื่องสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นพลอตที่คนดูยังสนุกสนานกับมัน เพราะเป็นพลอตที่ยังช่วยเติมเต็มในส่วนของคนชอบแอ็คชั่น บู๊ระห่ำอะไรประมาณนั้น และด้วยตัวพลอตยังสามารถใส่ความยิ่งใหญ่อลังการของความแอ็คชั่นเข้าไปได้อีก เมื่อนำมารวมกับส่วนผสมที่เป็นความสยองขวัญ ตามเนื้อเรื่องที่เป็นการต่อสู้ของเผ่าพันธุ์แวมไพร์ซึ่งเป็นอะไรที่เหนือมนุษย์ ก็ยิ่งเหมือนเติมความสะใจให้คนดูได้อีกเป็นสองเท่า แต่ในส่วนของดราม่าคงต้องไปรอลุ้นกันอีกทีว่าผู้กำกับหนังใหญ่มือใหม่อย่างแอนนา ฟอสเตอร์ จะพาหนังเดินเรื่องไปดราม่าได้อย่างไร และจะสามารถผสมผสานได้ลงตัวกับความแอ็คชั่นหรือไม่ ถ้าหากว่าทำออกมาได้กลมกล่อม ก็เชื่อว่าดูหนังภาคนี้จะเข้าไปนั่งในใจคนดูไม่ยาก ข้อได้เปรียบอีกอย่างของหนังคือ เป็นดูหนังภาคต่อที่เดินเรื่องมาถึงภาคที่ 5 ซึ่งก็ต้องถือว่าสร้างมาได้ถึงห้าภาค นั่นแสดงว่าฐานคนดูที่ยังติดตามยังมีอยู่มาก เพียงแต่ว่าผู้สร้างจะสามารถรักษามาตรฐานให้เข้าไปนั่งในใจคนดูได้อีกภาคหนึ่งหรือเปล่า ต้องรอลุ้นอยู่เหมือนกัน

Underworld 5: Blood Wars เป็นหนังที่น่าสนใจมากไหม

ภาคจบของ Underworld อาจจะเต็มไปด้วยความคาดหวังมากมายจากแฟนที่รอชมหลังจากภาคล่าสุดเมื่อปี 2012 การต่อสู้ที่กินเวลามาหลายปีกำลังจะสิ้นสุดลงด้วยความมันส์ ในแบบที่ไม่สามารถกะพริบตาได้ และจุดจบของแวมไพร์และไลเคนจะเป็นอย่างไร พิสูจน์ความมันส์เกินพิกัดพร้อมความสยดสยองในแบบ Underworld 5: Blood Wars ได้ทุกโรงหนัง