ที่นี่ไม่ได้มีแค่วัยรุ่น รวมเรื่องสุดหลอนจาก สยามสแควร์
เวลาที่นึกถึงสยามสแควร์ แหล่งแลนด์มาร์คอันโด่งดังที่เหล่าวัยรุ่นไทยทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีนั้น หลายคนอาจจะนึกถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังต่างๆ ที่ตั้งอยู่รายล้อมย่านนี้ บางคนนึกถึงแหล่งรวมโรงเรียนกวดวิชาชื่อดังที่ดึงดูดให้วัยรุ่นวัยเรียนทั้งหลายต่างก็มุ่งหน้ามาเรียนพิเศษกันที่นี่ หรือบางคนก็นึกถึงแฟชั่นการแต่งตัวอันหลากหลายของคนแต่ละวัยที่มารวมตัวกันในย่านนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่จะนึกถึงสยามสแควร์ในยามมืดมิดไร้ผู้คน สยามสแควร์ที่ไม่มีแม้แต่เสียงของสิ่งมีชีวิตใดๆ แต่กลับมี สิ่งหนึ่ง ที่กำลังค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นมา ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง สยามสแควร์ นี้ก็กำลังจะพาเราทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์หลอนของย่านดังนี้อย่างที่ไม่เคยมีภาพยนตร์ไทยเรื่องไหนทำมาก่อน และก่อนที่เราจะได้เข้าไปพบความหลอนในภาพยนตร์ เราก็ขอรวบรวมเรื่องเล่าสุดลึกลับชวนขนลุกจากย่านนี้มาเรียกน้ำย่อยกันก่อน
สยามสแควร์ ซอย 9
กลางดึกคืนหนึ่ง ในขณะที่วัยรุ่นสาวคนหนึ่งกำลังมุ่งหน้าจากถนนหน้าศูนย์หนังสือจุฬาฯ ไปยังถนนอังรีดูนังต์ เธอก้าวเข้าไปในสยามสแควร์ ซอย 9 อย่างคุ้นเคย แต่กลับพบกับเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ในซอยนั้น เธอได้แต่แปลกใจว่า ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมยังมีเด็กนักเรียนมายืนอยู่กลางซอยคนเดียวแบบนี้อีก ในขณะนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เด็กนักเรียนหญิงคนนั้นค่อยๆ หันมาหาเธออย่างช้าๆ บรรยากาศรอบตัวเงียบลงอย่างประหลาด ณ วินาทีนั้นเธอจึงตัดสินใจหลับตาแล้ววิ่งออกมาจากซอยทันที แต่เมื่อเธอวิ่งจนพ้นซอย 9 ออกมาแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับพบเด็กนักเรียนหญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า !!!
ทางเดินใต้โรงภาพยนตร์ลิโด้
สองหนุ่มสาวที่เป็นแฟนกันมาเดินเที่ยวสยามด้วยกันตามปกติ แต่แฟนสาวเกิดน้อยใจแฟนหนุ่มจึงวิ่งหลบเข้าไปใต้โรงภาพยนตร์ลิโด้ ฝ่ายชายก็ได้แต่วิ่งตามง้อเข้าไปด้วย แต่เมื่อเข้าไปใต้โรงภาพยนตร์แห่งนี้แล้ว กลับไม่มีวี่แววของแฟนสาวของเขาเลย พยายามเดินหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ มีแต่เพียงความเงียบสงัด แล้วหูก็ได้ยินเสียงกระดิ่งที่คล้ายกับกระดิ่งห้อยกระเป๋าของแฟนสาว ชายหนุ่มรีบเดินตามเสียงนั้นไปทันที แต่แล้วเสียงกระดิ่งก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ ฮี่ ฮี่ ฮี่ แทน ชายหนุ่มขนลุดซู่ขึ้นมาทันที เท้ารีบหาทางออกจากที่แห่งนี้ทันที จนในที่สุดเขาก็สามารถออกจากใต้โรงภาพยนตร์ลิโด้ได้ และพบกับแฟนสาวที่ยืนรออยู่ที่ด้านหน้านั่นเอง โดยแฟนสาวยังบอกอีกว่า เขาหายเข้าไปนานมาก เธอพยายามโทรหาแต่ก็ติดต่อเขาไม่ได้เลย ได้ยินแค่นั้นแฟนหนุ่มก็บอกให้เธอทิ้งกระดิ่งห้อยกระเป๋าที่มีอยู่ทันที
สยามสแควร์ ซอย 1
มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องหนึ่งของสยามสแควร์ว่า เวลาดีสี่ที่ร้างไร้ผู้คน ในซอย 1 นั้นจะได้ยินเสียงคนเดินลากเท้าอย่างช้าๆ แต่กลับไม่มีใครเดินอยู่เลยในตอนนั้น เหล่าวัยรุ่นที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ก็ได้รวมตัวกันมาพิสูจน์ ในขณะที่พวกเขากำลังเดินเรื่อยๆ ในสยามสแควร์ ซอย 1 ตอนดีสี่นั้น นอกจากเสียงเดินอันปกติของพวกเขาแล้ว ยังมีอีกเสียงหนึ่งค่อยๆ ดังแทรกเสียงการเดินของพวกเขาขึ้นมา เสียงเดินลากขาช้าๆ ช้าๆ ค่อยๆ ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งวัยรุ่นคนหนึ่ง ได้ยินเสียงลมหายใจแรงๆ ดังอยู่ด้านหลังของเขา ณ วินาทีนั้นเขาไม่กล้าหันกลับไปมอง ได้แต่ยืนตัวแข็งค้างเกร็งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปอึดใจหนึ่ง แต่เหมือนราวกับศตวรรษในความรู้สึกของเขา เสียงลมหายใจและเสียงลากเท้าก็ค่อยๆ เคลื่อนผ่านกลุ่มของพวกเขาไป นับจากวันนั้นมา พวกเขาก็ไม่กล้ากลับไปสยามสแควร์ ซอย 1 ในเวลาตีสี่อีกเลย
ทางเดินข้างสกาล่า
ตรงสุดทางเดินบริเวณข้างโรงภาพยนตร์สกาล่านั้นจะมีกระจกบานใหญ่อยู่ เหล่าวัยรุ่นมักจะมายืนสำรวจความสวยความหล่อ ความเป๊ะและใช้เซลฟี่กันบ่อยๆ ที่กระจกบานนี้ แต่ในตอนหัวค่ำที่ทางเดินนี้ไม่ค่อยมีใครใช้สัญจรไปมา หญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งมาสยามเป็นครั้งแรกจึงได้เดินสำรวจเส้นทางนี้ดู เธอเดินเข้าไปยังทางเดินด้านข้างโรงภาพยนตร์แห่งนี้ แล้วก็ได้พบกับกระจกเงาบานใหญ่ แต่ภาพที่สะท้อนอยู่บนกระบานนั้นกลับไม่ได้มีแต่เธอเพียงคนเดียว แต่มีภาพของนักเรียนหญิงไม่มีหัวอยู่ด้วย !!! เธอหันกลับมาดูด้านหลังของตัวเองทันที แต่กลับไม่มีนักเรียนหญิงหรือคนไหนอยู่ด้านหลังของเธอเลย เมื่อรับรู้ว่าไม่มีใครที่เป็น คน อยู่กับเธอในทางเดินแห่งนี้ หญิงสาวจึงรีบวิ่งออกมาจากทางเดินนั้นทันที และตรงกลับบ้านโดยที่ไม่ได้ดูภาพยนตร์ที่สกาล่าอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรก
โรงเรียนกวดวิชา ซีเครทคีย์
เก้าอี้ด้ายแดงแห่งโรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้ มีตำนานเล่าว่า วิญญาณของเจ้าของเก้าอี้ตัวนี้จะช่วยให้สอบติดได้ แต่นักเรียนที่มาเรียนที่โรงเรียนกวดวิชานี้ก็ไม่เคยมีใครที่ใจกล้าพอจะไปนั่งที่เก้าอี้ตัวนั้น จนวันหนึ่งนักเรียนหญิงคนหนึ่งลืมสมุดจดเอาไว้ เธอรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหาสมุดจดนั้น แต่เมื่อเข้าไปในห้องเรียนแล้ว กลับพบว่ามีเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้ายแดงตัวนั้นเพียงคนเดียวในห้อง แล้วอยู่ๆ เด็กคนนั้นก็พูดขึ้นมา เสียงแหบๆ เหมือนไม่ใช่เสียงคน ‘เราเรียนไม่เข้าใจ ขอดูหน่อยได้ไหม ได้ยินแค่นั้น เจ้าของสมุดจดก็วิ่งหนีออกจากห้องนั้นแทบจะในทันที และไม่กลับไปเรียนที่โรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้อีกเลย
เป็นยังไงกันบ้างกับเรื่องเล่าหลอนๆ ที่บอกเล่ากันผ่านรุ่นสู่รุ่นของสยามสแควร์ ที่นำมาให้คุณได้อ่านบิ้วด์อารมณ์กัน ก่อนไปเจอกับเรื่องราวสยองขวัญของสยามสแควร์กันแบบเต็มๆ ตาได้ในโรงภาพยนตร์กับเรื่อง สยามสแควร์ ชวนคุณมาเดินหลอนในสยามสแควร์ในวันที่ 30 มีนาคม นี้พร้อมกันทั่วประเทศ แล้วคุณจะรู้จักสยามสแควร์ในมุมที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน