4 เรื่องเกี่ยวกับ Assassin’s Creed จากปากผู้กำกับ Justin Kurzel

4 เรื่องเกี่ยวกับ Assassin’s Creed จากปากผู้กำกับ Justin Kurzel

ในเวอร์ชั่นเกมก็เล่นกันอย่างสนุกสนานแล้ว แต่พอประกาศว่าจะนำเนื้อเรื่องในเกมยอดฮิตอย่าง Assassin’s Creed มาทำเป็นหนังนั้น เหล่าเกมเมอร์หลายคนก็เริ่มออกอาการกังวลกันเล็กน้อยว่า งานนี้จะออกมาเปรี้ยงหรือแป๊กกันหนอ เพราะเรื่องราวในเกมนั้น เรียกได้ว่าเป็นตำนานกันเลยทีเดียว ถ้าหนังทำออกมาไม่ดีละก็ เหล่าเกมเมอร์คงเจ็บปวดไปอีกนาน ดังนั้นวันนี้เราจึงเอาข้อมูลการสร้างและความทุ่มเทของทีมงาน จากการบอกเล่าของ Justin Kurzel ผู้กำกับของเรื่องมาฝากกัน

 

  1. Justin และ Jed Kurzel ทำหน้าที่รับผิดชอบเพลงประกอบหนัง

Justin Kurzel เล่าให้ฟังว่า นอกจากเขาจะทำหน้าที่กำกับการแสดงใน Assassin’s Creed  แล้ว เขาและน้องชายยังร่วมกันประพันธ์เพลงประกอบของเรื่องด้วย เพราะในเรื่องนี้มีทั้งบรรยากาศของโลกอนาคตที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำยุค และยังต้องย้อนกลับไปในอดีตของประเทศสเปน ในทศวรรษที่ 15 ดังนั้นก็เลยจะต้องมีเพลงและเสียงประกอบหนังที่สื่อให้คนดูรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรในอดีต ดังนั้นทั้ง 2 พี่น้องจึงต้องตีโจทย์กันอย่างหนักเลยทีเดียวสำหรับการทำเพลงและเสียงประกอบหนังในครั้งนี้ โดยหลักๆ จะเลือกใช้เพลงแนวอิเลคโทรนิกส์ โดยผสมเข้ากับเสียงกลอง ที่ตีในจังหวะเร้าใจที่เป็นเอกลักษณ์ของสเปน แต่จะออกมาถูกใจแฟนๆ และเหล่าเกมเมอร์หรือไม่ ก็ต้องรอติดตามผลงานของพวกเขากัน

  1. ยืนยันมาแล้วว่า Maria เป็นนักรบอย่างแท้จริง

อีกหนึ่งคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจในเรื่องนี้ก็คือ Maria ผู้ที่คอยติดตาม Aguilar พระเอกของเรื่องนี้ ซึ่งจะไม่ใช่แค่ตัวละครหญิงที่จะมีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อย่างเดียวเท่านั้น เพราะเธอคือนักรบอย่างแท้จริง ในหนังจะได้เห็นการต่อสู้ที่แข็งแรงของเธอไม่แพ้ตัวละครผู้ชายอื่นๆ รวมถึง Maria ยังเป็นตัวละครสำคัญอีกหนึ่งคนที่มีผลต่อการดำเนินเรื่องอีกด้วย ซึ่ง Ariane Labed นักแสดงสาวผู้มารับบท Maria ก็ทุ่มแทให้กับบทที่ได้รับด้วยการฝึกซ้อมฉากการต่อสู้อย่างหนัก และทำออกมาได้ดีมาก เหมือนกับที่เธอพูดภาษาสเปนได้อย่างคล่องแคล่ว

  1. Michael Fassbender แสดงฉากการต่อสู้ด้วยตัวเขาเองแทบจะทั้งหมด

นักแสดงหนุ่มผู้รับบทเด่นของเรื่องนี้ ก็ใช่ว่าจะมาโชว์แค่เพียงทักษะการแสดงของเขาเท่านั้น ใน Assassin’s Creed นี้ Michael Fassbender ยังทุ่มสุดตัวด้วยการแสดงฉากแอคชั่นและฉากต่อสู้อื่นๆ ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียงฉากที่จะต้องแสดงโดยสตั๊นท์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น พระเอกหนุ่มถึงยอมถอยให้มีการแสดงแทน ซึ่งการแสดงด้วยตนเองของเขานี่เอง จะทำให้คนดูสัมผัสและรู้สึกได้ว่าเขาเป็นนักฆ่าในอดีตจริงๆ

Michael Fassbender

  1. รอยสักบนใบหน้ามีความหมายมากกว่าแค่ความสวยงาม

เพราะเนื้อเรื่องใน Assassin’s Creed จะพาเราย้อนกลับไปในสมัยที่ทั้งรุ่งเรื่องด้านวัฒนธรรม ศิลปะต่างๆ ทำให้ทีมงานต้องทำการบ้านกันอย่างหนักว่าจะออกแบบเสื้อผ้า หน้าผม ในแต่ละตัวละครอย่างไร โดยเฉพาะรอยสักของแต่ละคนที่รับบทเป็นนักฆ่า เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ พวกเขาใช้ชีวิตแตกต่างจากคนทั่วไป มีลัทธิความเชื่อและการรวมกลุ่ม ดังนั้นทีมงานจึงเลือกที่จะแสดงออกระดับขั้นและความเชื่อในลัทธิของแต่ละตัวละครผ่านทางรอยสัก ดังนั้นเวลาเข้าไปชมก็อย่าลืมสังเกตว่านักฆ่าแต่ละคนนั้น มีรอยสักแตกต่างกันยังไงบ้าง

จาก 4 ข้อนี้คงทำให้เรารู้ถึงความเอาใจใส่และความตั้งใจของทีมงานในการผลิตหนังเรื่อง Assassin’s Creed ให้ออกมาสมบูรณ์และเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน อย่าลืมเข้าไปพิสูจน์ผลงานของพวกเขากันได้ 22 ธันวาคมนี้ ในโรงหนัง