Mission: Impossible – Rogue Nation

หลังจากหนัง Mission: Impossible ภาค4 – Ghost Protocol หนังพยัคฆ์ร้ายสายลับชุดนี้ก็เปลี่ยนแปลงแนวการตั้งชื่อภาคใหม่เป็นโดยมีการใช้ชื่อที่มีคำสร้อยแทนตัวเลข และ ในภาค 5 นี้ก็ได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Mission: Impossible – Rogue Nation ซึ่งตอนนี้ได้ปล่อยแบนเนอร์ ใบปิดหนัง ภาพหนังบางส่วน และตัวอย่างแรกออกมาให้ยลโฉมกันแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งในภาคนี้ องค์กร Impossible Mission Force ของฮันต์จะถูกปิดตัวลงเพราะเหล่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลในกรุงวอชิงตันดีซี รู้สึกเจ็บแค้น และ เสียหน้า รวมถึงหัวหน้าCIA และความจริงก็เปิดเผยเมื่อฮันต์ค้นพบสาเหตุที่แท้จริงว่าที่องค์กรของเขาถูกปิดตัวลงก็เพราะมีองค์กรสายลับที่ถูกฝึกมาแบบเดียวกับพวกเขาโดยองค์กรนี้ใช้ชื่อว่า ” ซินดิเคต ” ฮันต์จึงเรียกระดมพลตามพวกพรรคพวกเก่าและสมาชิกใหม่ เพื่อมาร่วมกันทำภารกิจครั้งใหม่นี้ คือการยับยั้งแผนการร้ายของหัวหน้าองค์กรชั่วร้ายนี้ จาก ตัวอย่างหนังในภาคนี้ มีหนึ่งฉากเสี่ยงตายที่จะเรียกได้ว่าฉากเสียวไส้เรียกคะแนนหวาดเสียวจากคนดูได้เป็นอย่างดี คือ ฉากที่ ทอม ครูส เกาะเครื่องบิน A400 ที่กำลังบินอยู่ ซึ่งฉากนี้เป็นการถ่ายทำที่ค่อนข้างเสี่ยงตายบนท้องฟ้าจริงๆ โดยผู้กำกับคริสโตเฟอร์ แม็ควอรี พูดถึงเบื้องหลังว่า “เรารู้ว่าทุกอย่างที่เราทำจะต้องถูกเทียบกับฉากที่ตึกเบิร์จ แต่เรารอให้ใครมาสร้างตึกที่สูงกว่าไม่ได้ เราจึงพยายามทำให้เหนือกว่าภาคเดิมยิ่งขึ้นไปอีก”
แต่ฉากเสี่ยงตายในหนังไม่ได้มีแค่นี้ ในภาคใหม่นี้พกความเสียวมาแบบเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นฉากซิ่งมอเตอร์ไซค์, ฉากรถยนต์ที่ตีลังกากลางอากาศ, และฉากที่ต้องกลั้นหายใจใต้น้ำที่ค่อนข้างนานพอสมควร และสถานที่ถ่ายทำยังใช้หลายที่อีกด้วยทั้งที่โมร็อกโค, เวียนนา และลอนดอน เรียกได้ว่าทุ่มทุนสร้างกันมาก ๆ เลยทีเดียว

ทีมงานนักแสดงและผู้สร้าง

Mission: Impossible Rogue Nation ในภาค5 นี้ ได้ ทอม ครูส กลับมารับบทอีธาน ฮันต์ สมทบด้วยเจเรมี เรนเนอร์, ไซมอน เพ็กก์, วิงก์ แรห์ม, อเล็ค บอลด์วิน, ฌอน แฮริส และรีเบคกา เฟอร์กูกัน ทางด้านบทหนัง เขียนบทและกำกับหนังโดยคริสโตเฟอร์ แม็คควอรี

Mission: Impossible – Rogue Nation เกี่ยวกับอะไร

Mission: Impossible – Rogue Nation จะเป็นเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้ว ซึ่ง อีธาน ฮันท์ (ทอม ครูซ) ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองในการล่าสายลับสองหน้าถึงประเทศดูไบ มาคราวนี้เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงในวอชิงตันและหัวหน้าระดับสูงของ ซีไอเอ (อเล็ค บอลด์วิน) ต่างไม่พอใจในตัวอีธานและหน่วยปฏิบัติการลับ IMF ของเขา จึงสั่งให้ยุบหน่วยนี้ทิ้งไป พวกเขาจึงไร้ตัวตน ไร้สังกัด ทำให้อีธานและทีมของเขาจึงต้องร่วมมือกันเพื่อพิสูจน์ตัวเอง และตามล่าหาองค์กรลับ “ซินดิเคต” (Syndicate) องค์กรผลิตสายลับระดับเดียวกับพวกเขาที่มุ่งเป้าจะทำลายหน่วยงาน IMF ให้สิ้นซากโดยไม่เลือกวิธีใช้ เพื่อมุ่งที่สร้างแผนร้ายระดับโลกโดยไม่มีอีธานและพวกมาค่อยขัดขวาง พวกเขา เหล่ามิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล จึงต้องงัดถูกกลยุทธ์ทุกกลเม็ดเด็ดพรายและภารกิจเสี่ยงตายเข้ามาต่อกรกับ “ซินดิเคต” ให้ได้ และภาค 5 พาราเมาท์พิคเจอร์ส ได้ทุ่มทุนทั้งงบประมาณการสร้างสเปเชียลเอฟเฟกต์ และนักแสดงเสี่ยงตายเต็มเรื่อง เพื่อสร้างฉากเสี่ยงตายที่ทั้งอลังการและยิ่งใหญ่สมจริง เรียกได้ว่างานล้างผลาญนี่จัดมาอย่างเต็มที่เพื่อให้คอดูหนัง ทั้งโลเคชั่น ทั้งบทหนังต่างสรรหามาพร้อมให้สมกับที่รอคอยหนังระดับตำนานเรื่องนี้

น่าดูหนังเรื่องนี้ไหม

และจากที่ปล่อยตัวอย่างออกมาแล้ว เรียกได้ว่างานนี้ ทอม ครูซ สุดหล่อตลอดกาลของเราสลัดแก่ลุยแหลกกับฉากบู๊แอ็กชั่นเสี่ยงตายที่สุด และภาคนี้ก็ได้ เจเรมี เรนเนอร์ สมาชิกมาดเท่จากภาคที่แล้วมาช่วยบู๊ระห่ำเอาใจคอหนังอีกด้วย แถมหนังยังแทรกมุกตลกร้ายเอาใจผู้ชมทุกสไตล์ไว้อยู่เหมือนเดิม เรียกได้ว่างานนี้กลิ่นอายเก่าๆ สไตล์ Mission: Impossible 5 ก็ยังจัดมาให้เห็นอยู่เหมือนกัน ส่วนความซับซ้อนซ่อนปมสำหรับเรื่องนี้ก็การันตีได้จาก คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี มือเขียนบทที่มารับหน้าที่กำกับฯ ด้วย ซึ่งหนังหลายเรื่องของเขานี่ต้องยอมรับว่าพลิกแล้วพลิกอีกจนถ้าเราคลาดสายตาไปเพียงนิดเราจะหลงประเด็นไปเลย

จุดกำเนิดของ Mission Impossible ทั้ง 5 ภาค

จะเรียกว่าเกิดจากความคิดหนังสายลับในวัยเด็กก็ได้ เพราะ องค์กร MI คือองค์กรสายลับพิทักษ์โลกที่มาพร้อมกับภารกิจสุดแสนจะทรหด อย่าง MI-1 ภารกิจครั้งนี้ที่ฮันต์ได้รับคือการหาหลักฐานและรวบตัวผู้ซื้อและผู้ขายข้อมูลรายชื่อสายลับ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเพื่อนร่วมทีมของเขาเสียชีวิตทั้งหมด จากการที่ CIA มีหนอนบ่อนไส้ อีธาน ฮันต์จึงออกสืบเพื่อทวงแค้นและหาความจริง จะเรียกว่ารวมนวัตกรรมความเป็นการ์ตูนสายลับมาสร้างให้เป็นหนังฟอร์มยักษ์ก็ว่าได้สำหรับหนังเรื่องนี้ ทั้งอาวุธล้ำสมัย หน้ากากเปลี่ยนหน้า คอมพิวเตอร์ ปืน และอื่นๆอีกมากมาย ส่วน MI-2 ก็ใส่จินตนาการเพิ่มไปอีก ในภาคนี้จะเกี่ยวกับบริษัทยาจงใจปล่อยไวรัสไคมีร่า โดยใช้ผู้ก่อการร้ายในการกระจายไวรัสนี้ เพื่อที่จะแสวงหากำไรในการขายวัคซีนในการรักษาโรค ดร.วลาดิเมียร์ได้แอบขโมยไวรัสและวัคซีนแก้ออกมา เพื่อจะไปแจ้งหน่วย IMF ให้จัดการและขอให้องค์กร MI ส่ง อีธาน ฮันต์มาคุ้มครอง แต่ ทางองค์กรตามตัวฮันต์ไม่ได้จึงส่งฌอนปลอมตัวเป็นอีธาน ฮันต์ ไปแทนแต่สุดท้าย ฌอนก็ทรยศฆ่าวลาดิเมียร์ทิ้งขโมยไวรัสและวัคซีน ระเบิดเครื่องบินทิ้งแล้วหลบหนี หลังจากเกิดเรื่อง อีธาน ฮันต์เลยต้องกลับมาสะสางเรื่องราวอันยุ่งเหยิงนี้ โดยใช้ โนอาห์ แฟนเก่าของฌอน เข้าไปเป็นนางนกต่อ หลังจากที่ฌอนขโมยไวรัสและวัคซีนมาได้ แต่เขาคิดผิดเพราะ ดร.วลาดิเมียร์ได้ฉีดไวรัสใส่เข้าไปในร่างกายของเขาเอง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ ฌอนมีคือวัคซีนสำหรับรักษาไวรัสไคมีร่า แค่นั้น ฌอนจึงติดต่อการค้ากับบริษัทยา เพื่อแลกเปลี่ยนไวรัสและวัคซีนกัน แต่การแลกเปลี่ยนไม่ประสบผลสำเร็จด้วยราคาที่ต่อรองสูงมากเกินไป หลังจากนั้น เมื่อ อีธานรู้ความจริงเกี่ยวกับไวรัส เขาจึงบุกไปทำลายไวรัสทิ้งเกือบหมด แต่ เหลือหนึ่งหลอดสุดท้าย และ ไนอาห์ก็ได้ใช้หลอดสุดท้ายนั้นฉีดใส่ตัวเอง อีธานจึงจำเป็นที่จะต้องตามหาวัคซีนเพื่อมารักษาไนอาห์ ก่อนที่ไวรัสในตัวเธอจะแสดงอาการออกมาภายในเวลา 24 ชั่วโมง ในภาคนี้เนื่องจากเปลี่ยนผู้กำกับทำให้สเน่ห์ของหนังก็เปลี่ยนตาม MI-2 นี้ ค่อนข้างลดความซับซ้อนของเนื้อเรื่อง เน้นโชว์ฉากแอคชั่นไซไฟแบบขายลีลาท่วงท่าและเสริมความเท่ให้กับตัวละครในเรื่อง อย่างฉากที่นกพิราบบินกันพรึบพรับเวลา อีธาน ฮันต์ เดินออกมา หรือ ฉากควงปืนสองมือก่อนหมุนตัวสไลด์ขาก่อนยิง ส่วน MI-3 เปิดตัวภาค 3 นี้ได้อย่างน่าทึ่งและตื่นตาตื่นใจ ฉากเปิดตัวของหนังทำให้คนดูต้องนั่งลุ้นแบบไม่ติดเก้าอี้กันเลยทีเดียว กับการนับถอยหลังของตัวร้ายรายใหม่ Owen Davian และ จากนั้นหนังก็คลายความตึงเครียดลงโดยให้เราได้มาพบกับชีวิตใหม่ของ อีธาน ฮันต์ ที่เขากำลังจะสร้างชีวิตใหม่กับหญิงคนรัก แต่เช่นเคย เขาต้องถูกดึงให้ต้องกลับมาปฏิบัติภารกิจช่วยเหลืออดีตลูกทีมสาวที่เขาเคยผูกพันเคยปั้นมากับมือ เธอถูกจับไปอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายวายร้าย จากการสังเกตุ จะเห็นได้ว่าเนื้อหาในภาคนี้ ค่อนข้างไปให้ความสำคัญกับภารกิจกู้รัก มากกว่า ภารกิจกู้ชาติ เพราะช่วงเวลาที่เหลือ ฉากแอคชั่นล้วนมีที่มาจากความรักทั้งสามฉากหลักอันได้แก่ การชิงตัวอดีตลูกทีมสาว , การลักพาตัว Owen Davian และ สุดท้ายภารกิจกู้รัก ซึ่งมันดูเป็นความง่ายถ้าเทียบกับหนังในภาคก่อนหน้านี้ ทำให้คนดูค่อนข้างวิจารณ์ว่า ในภาค3 หนังเรื่องนี้ถดถอยลงไปค่อนข้างเยอะพอสมควร ถึงแม้จะมีฉากเปิดตัวมาดึงดูดความสนใจก็ตาม ส่วน MI-4 ภาคนี้ทางผู้สร้างได้โยนบทนำไปให้กับแบรนท์หรือเจเรมีเรนเนอร์ และโยกอีธานฮันท์ไปเป็นระดับหัวหน้า อาจเป็นเพราะ ทอม ครูซ ค่อนข้างอายุมากขึ้น อาจจะเริ่มรับบทแอคชั่นหนักหน่วงไม่ค่อยไหวแล้ว จึงหาทางออกในกับหนังในภาคนี้ ภารกิจไร้เงา อีธาน ฮันท์กับเพื่อนๆต้องมาร่วมหัวจมท้ายกันปฏิบัติภารกิจลับจาก Secretary ของ IMF ที่จำเป็นต้องปิดตัวลงหลังจากถูกใส่ร้ายให้กลายเป็นผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายเหตุระเบิดขึ้นที่รัสเซีย ซึ่งในภาคนี้ก็ยังคงความเป็นหนังสายลับได้อย่างดีเยี่ยม กลในการหลอกคนดูว่าพระเอกตาย อุปกรณ์ไฮเทคอีกต่างๆนา ฉากคอมเมดี้เล็กน้อย และความสามัคคีของทุกคนในทีมที่ถูกสื่ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้

หากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้เกี่ยวกับหนังสายลับ MI-5 คือ หนังที่คุณไม่ควรพลาด แน่นอนว่าการกลับมาครั้งนี้สิ่งที่หนังพกมาแบบจัดหนักจัดเต็มแน่ๆ คืออุปกรณ์ไฮเทคล้ำสมัยตามแบบฉบับการ์ตูนสายลับ ฉากแอคชั่นไซไฟ และ ในภาคนี้ยังมีฉากเสี่ยงตายที่จัดว่าสามารถกดหนังเรื่องนี้ในภาคก่อนหน้าได้อย่างมิดกันเลยทีเดียว อีกทั้งยังพระเอกสุดหล่อของเรา อีธาน ฮันต์ หรือ ทอม ครูซ ที่จะมาครองใจสาวๆอีกครั้งในภาคนี้ นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่ควรพลาดดูหนัง Mission Impossible : Rogue Nation เต็มเรื่อง

จะดูเต็มเรื่องได้วันไหน

เหล่าสาวก มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ทั้งหลายพลาดไม่ได้เด็ดขาดกับดูหนัง มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการรัฐอำพราง (Mission: Impossible – Rogue Nation)แบบเต็มเรื่องทะลุจอ ได้ทั้งระบบปกติ และระบบ IMAX ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2558 เป็นต้นไป