เรียนรู้ภาษามือก่อนดูหนัง The Tribe หนังที่เงียบที่สุดแห่งปี

เรียนรู้ภาษามือก่อนดูหนัง The Tribe หนังที่เงียบที่สุดแห่งปี

จากตัวอย่างหนังล่าสุดที่เพิ่งถูกปล่อยออกมาสู่สายตาผู้ชมหนังทั่วโลก The Tribe เงียบอันตราย หนังที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์และความรู้สึก ไม่มีแม้แต่คำพูด ดนตรีประกอบหรือบทบรรยายใดๆ สิ่งต่างๆในหนังถูกถ่ายทอดสื่อสารผ่านภาษามือและภาษากาย ส่งต่อให้ผู้ชมหนังรับรู้และเข้าใจในเนื้อเรื่องได้โดยง่าย เพราะภาษากายนั้นเป็นภาษาสากลที่ผู้คนทั่วโลกต่างเข้าใจแม้ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเลยก็ตาม จากผลงานของนักเขียนและผู้กำกับชื่อดังชาวยูเครน ไมโรสลาฟ สลาบอชไพสกี ซึ่งเค้าบอกถึงเจตนารมณ์ว่าต้องการที่จะทำเรื่องนี้ให้เป็นธรรมชาติและเกิดความสมจริงมากที่สุด เค้าจึงได้ตัดสินใจเลือกใช้นักแสดงผู้พิการทางหูทั้งหมดมาแสดงในทุกๆตัวละครของหนังเรื่องนี้ โดยคัดเลือกจากแหล่ง Social Media ต่างๆและเฝ้าดูติดตามมานานหลายปีถึงคัดเลือกหานักแสดงได้ครบทุกคุณสมบัติที่ สลาบอชไพสกีต้องการ เค้าเล่าด้วยความตื่นเต้นว่าการแสดงของผู้พิการเหล่านี้มันทั้งสมจริงและทรงพลังอย่างไม่หน้าเชื่อ ทุกๆเหตุการณ์ในหนังเป็นสิ่งที่เรามักไม่ค่อยได้เห็นหรือเคยได้สัมผัสบนจอหนังผ่านการแสดงของผู้พิการทางหู ทั้งในเรื่องของความรุนแรง อาชญากรรม การชกชิงวิ่งราวและเซ็กส์ ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาอย่างตรงไปตรงมามากที่สุด ก่อนที่ผู้ชมผู้สนใจทุกคนจะเข้าไปรับชมหนังเรื่องนี้ เรามาทำความรู้จักและความเข้าใจกับภาษามือเบื้องต้น เพื่อการดูหนังจะได้ครบอรรถรสมากยิ่งขึ้น

ภาษามือ
คนปกติใช้เสียง เป็นช่องทางหลังในการสื่อสาร แต่สำหรับผู้พิการทางหูนั้นพวกเค้าคือผู้ที่บกพร่องทางการได้ยิน ภาษามือจึงเป็นภาษาที่คนหูหนวกเอาไว้ใช้สำหรับติดต่อสื่อสาร โดยอาศัยผ่านทางสีหน้าท่าทาง รวมถึงการเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อให้คู่สนทนานั้นเค้าใจถึงข้อความที่ต้องการที่จะสื่อออกไป ภาษามือมีวิวัฒนาการการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ ภาษามือแบ่งสองประเภทใหญ่ๆคือทุกๆประเทศนั้นมีภาษามีเฉพาะแต่ละท้องถิ่นแต่ต่างกันไป กับอีกประเภทหนึ่งคือภาษามือสากล เป็นภาษาที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกเข้าใจได้ตรงกัน ซึ่งจะใช้ในโอกาสที่คนหูหนวกจะทั่วทุกมุมโลกมาประชุมรวมตัวกัน ซึ่งในประเทศไทยเองก็ยังสามารถแบ่งภาษามือออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ประเภทแรก คือ ภาษามือของคนหูหนวกในชุมชนใหญ่ทั่วๆซึ่งเราจะเรียกมันว่า ภาษามือทางธรรมชาติ เพราะภาษาประเภทนี้เกิดจากสัญชาติญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์และวัฒนธรรมประจำสังคมนั้นๆเป็นตัวกำหนดทิศทาง และประเภทสุดท้าย เป็นภาษามือแบบภาษาพูด คือเป็นภาษามือสำหรับคนปกติที่ไม่ได้มีความบกพร่องทางหู เอาไว้ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารกับผู้การทางหู เช่น เพื่อน ญาติพี่น้อง คุณครูใช้สื่อสารกับคนหูหนวก โดยวิธีการคือใช้ภาษามือเรียง คำพูดเป็นคำๆ เหมือนกับภาษาพูดที่คนปกติผู้โดยทั่วไป อย่างคำพูดที่ว่า “ฉันไปกินข้าว” ก็จะเป็นเรียงเป็นคำว่า ฉันไปกินข้าวตรงตามคำทุกอย่างเลย ซึ่งในปัจจุบันมีคนหูหนวกหรือพิการทางการได้ยินเองมากถึง 800,000 คนด้วยกันถึงว่าเป็นตัวที่สูงเลยทีเดียว ดังนั้นผู้พิการบกพร่องทางหูก็เช่นเดียวกันย่อมต้องการการเข้าถึงและมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม หากแต่ไม่ต้องการที่จะเป็นปัญหาแบบเฉพาะเจาะจงเหมือนถูกสังคมนำเสนออย่างทุกวันนี้ ซึ่งหนังเรื่อง The Tribe เงียบอันตราย ของผู้กำกับไมโรสลาฟ สลาบอชไพสกี ก็ตอบโจทย์ของความต้องการได้และเป็นจุดเปลี่ยนทำให้พวกเค้ารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งไม่ได้แปลกแยกอย่างที่เป็นอยู่ โดยได้นักแสดงนำสาวผู้ที่เกิดมาพร้อมกับความบกพร่องทางการได้ยินโดยกำเนิด ยานา โนวิโควา ในวัย 21ปี โดยเธอเป็นหนึ่งในนักแสดงหลักของเรื่อง ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากเธอว่าในการที่เธอตัดสินใจรับงานแสดงในครั้งเธอต้องเลิกกับแฟนหนุ่มของเธอเลยทีเดียว เพราะแฟนหนุ่มเธอนั้นไม่เข้าใจถึงบทบาทการแสดงที่เธอได้รับถึงฉากเซ็กส์ในบทหนัง เค้าแสดงความไม่เห็นด้วยและค้านมันอย่างชัดเจน แต่เธอเองก็เลือกที่จะยืนยันถึงความต้องการในครั้งนี้ โดยเธอให้เหตุผลว่าสิ่งเหล่านี้มันคือความฝัน และเธอต้องการที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นถึงศักยภาพ ความสามารถของผู้พิการทางหูอย่างเธอ และอยากทำในสิ่งที่นักแสดงหญิงคนปกติทำไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ยานา โนวิโควา ไม่เคยประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญากับบริษัทหนังสำหรับคนพิการ และเพราะหนังเรื่องนี้ทำให้เธอได้ทำตามความฝันที่สำคัญคือพาเธอมาไกลจากความฝันมากเลยทีเดียว

เงียบอันตราย
หนังเรื่องนี้ The Tribe เงียบอันตราย ผู้กำกับไมโรสลาฟ สลาบอชไพสกี ได้รับเสียงปรบมือชื่นชมจากคณะกรรมการเทศกาลหนังเมืองคานส์เกิดความคาดหมายอย่างมาก ถึงแม้ว่าหนังเค้าจะไม่ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของประเทศยูเครนบ้านเกิด เพื่อเข้าไปร่วมการประกวดในระดับเวทีสากลก็ตามที หากแต่มีการส่งจดหมายเปิดผนึกส่งตรงถึงเวทีการประกวดออสการ์เพื่อให้พิจารณาหนังเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช้เพราะความมีคุณภาพหนังเรื่องนี้คงไม่ถูกเป็นที่พูดถึงและมีกระแสอย่างทุกวันนี้ ถือได้ว่าหนังเรื่องนี้ได้ประสบความสำเร็จเป็นแล้วครึ่งทาง ที่เหลืออีกครึ่งทางคงต้องเป็นหน้าที่ของเหล่าคนดูผู้ชมหนังทั่วโลกได้ลองรับชมและดูด้วยวิจารณญาณของแต่ละบุคคลว่าหนังเรื่องนี้ดีจริงอย่างกระแสที่กล่าวถึงหรือไม่