ลุ้นรายได้เปิดตัวในสหรัฐอเมริกากับ 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi

ลุ้นรายได้เปิดตัวในสหรัฐอเมริกากับ 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi

13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi  เข้าฉายในสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยไปตั้งแต่วันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา สำหรับหนังแอ็คชั่นเรื่องล่าสุดของผู้กำกับจอมระเบิด Michael Bay ที่พักโปรเจค Transformer มาจับงานกำกับเรื่องราวของเหล่าทหารที่ต้องบุกเข้าไปช่วยตัวประกันจากผู้ก่อการร้ายในประเทศลิเบีย ซึ่งครั้งนี้ผู้กำกับคนดังหยิบยกมาจากเหตุการณ์จริงที่ยังคงตกเป็นข้อถกเถียงกันของสังคมอเมริกันอยู่ในขณะนี้

13 Hours:
13 Hours:

หลังจากการเข้าฉายไปได้ 4 วัน สามารถเก็บรายได้ไป 20 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการรวมรายได้ตั้งแต่รอบเปิดฉายพิเศษก่อนการเข้าฉายจริง 900,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐจากจำนวน 1,995 โรงที่ทำการเข้าฉายในวันที่ 14 มกราคม และเก็บเพิ่มอีก 16.2 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในการเข้าฉายสัปดาห์แรก สามารถเข้าไปอยู่อันดับที่ 4 ของ box office อเมริกาได้ ซึ่งในการเข้าฉายสัปดาห์แรกนี้ต้องเจอกับคู่แข่งอย่างหนังเรื่อง Ride Along 2 ซึ่งเป็นหนังแนวแอ็คชั่นคอมเมดี้ แตกต่างจากเรื่องนี้และสองยักษ์ใหญ่ที่ยังครองโรงฉายอยู่ก็คือ The Revenant และ Star Wars: The Force Awakens แต่นักวิเคราะห์ก็มองว่าที่ทางสตูดิโอผู้สร้าง Paramount Pictures และผู้จัดจำหน่ายอย่าง United International Pictures (UIP) เลือกที่จะนำหนังเรื่องนี้เข้าฉายในช่วงนี้ของปี คงมาจากความสำเร็จของหนังบู๊แอ็คชั่นที่เป็นเรื่องราวของฮีโร่ทหารอเมริกันที่เข้าฉายในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ๆ มาอย่าง American Sniper เก็บรายได้ไป 107.2 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2015 และ Lone Survivor ทำรายได้ไป 37.8 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2014 ซึ่งผู้สร้างและจัดจำหน่ายก็คาดหวังว่า 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi จะสามารถกวาดรายได้เหมือนสองเรื่องนั้นเช่นเดียวกัน


โดยบางสื่อของอเมริกามองว่า 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi น่าจะได้กระแสจากการเมืองของสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ที่กำลังอยู่ในระหว่างที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งจากทั้งสองพรรคการเมืองกำลังหาเสียงกันอย่างหนักหน่วงจะช่วยกระตุ้นความอยากดูหนังเรื่องนี้ของประชาชนมากขึ้น ในขณะที่ผู้สนับสนุนฝ่ายนาง Hillary Clinton ก็ได้ออกมาวิจารณ์ว่าหนังเรื่องนี้สร้างออกมาได้อย่างเอียงเอนและกล่าวหานาง Hillary Clinton มากเกินไป ซึ่งในขณะที่เกิดเหตุการณ์ได้ปฏิบัติหน้าที่ในขณะรัฐบาลนั้นด้วย ส่วนฝ่ายตรงข้ามต่างก็ออกมาเห็นด้วยกับหนังเรื่องนี้และกล่าวว่า  Hillary Clinton ต้องรับผิดชอบกับความสูญเสียในครั้งนั้น อย่างไรก็ตามสื่อชื่อดังในอเมริกาก็วิเคราะห์ว่าหนังน่าจะเก็บรายได้คุ้มทุนสร้างจำนวน 50 ล้านเหรีญดอลลาร์สหรัฐแน่นอน เพราะประชาชนทั้งสองฝ่ายการเมืองต่างสนใจและพร้อมจะเอาข้อมูลจากหนังเรื่องนี้มากล่าวหาอีกฝ่ายนั่นเอง ก็ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องจะครองใจชาวอเมริกันได้ขนาดไหน แต่ชาวไทยอย่างเราจะได้ดูในโรงหนัง วันที่ 28 มกราคมนี้