About Ray

การเลี่ยนแปลงสำหรับชีวิตของคนนั้นมักจะมีผลกระทบตามมาเสมอ เหมือนกับหนังเรื่องนี้ About Ray ที่จะทำให้คุณได้เปิดใจและเข้าใจคนข้ามเพศมากยิ่งขึ้น ด้วยความมาแรงของกระแสหนังข้ามเพศในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ทำให้คนหันมาให้ความสนใจคนกลุ่มนี้ ซึ่งหนังอาจเป็นภาพสะท้อนที่เข้าถึงคนหมู่มากได้ดีที่สุดวิธีหนึ่ง และสิ่งที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากคือนักแสดงที่จะมารับบทอันหนักหน่วงของเด็กผู้หญิงที่ต้องการแปลงเพศเป็นชายเพราะรู้ว่าใจตัวเองเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง นักแสดงที่มารับบทนี้คือ แอลล์ แฟนนิ่งส์ นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังน้องสาวของ ดาโกต้า แฟนนิ่งส์ เธอแจ้งเกิดจากบทออโรร่า เด็กสาวน่ารักแสนอ่อนหวานใน Maleficent เมื่อปี 2014 และการพลิกบทบาทครั้งนี้ทำให้เธอได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก หากเธอตีบทแตกกระจุยรางวัลทางการแสดงตามสถาบันต่างๆ จะตกเป็นของเธออย่างแน่นอน นอกจากแอล แฟนนิ่ง แล้วยังมีนักแสดงมากฝีมืออย่าง นาโอมิ วัตต์ , ซูซาน ซาแรนดอน และเท็ดด์ โดโนแวน ได้ผู้กำกับหญิงไฟแรงชาวอังกฤษอย่าง แกบี เดลลาล มารับหน้าที่ดูแลการแสดงครั้งนี้
เราอาจจะคุ้นเคยกับคำว่าผู้หญิงข้ามเพศกันพอสมควร (ชายหนุ่มที่แปลงเพศเป็นหญิงสาว) ซึ่งพวกเขาต้องรับแรงกดดันมากมายทั้งจากสังคมและคนรอบข้าง แต่หนังเรื่องนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับการข้ามเพศของผู้ชายข้ามเพศดูบ้าง เพราะไม่ใช่แค่ผู้หญิงข้ามเพศเท่านั้นที่ลำบาก และต้องแบกรับการกดดัน ผู้ชายข้ามเพศที่ต้องเปลี่ยนเพศสภาพจากหญิงกลายเป็นชายนั้น ก็ไม่ใช่จะได้รับการยอมรับได้ง่ายๆ และหนังเรื่อง ABOUT RAY ก็จะพาคุณไปสำรวจเส้นทางการข้ามเพศของเขาเหล่านั้นผ่านตัวละครนามว่า RAYซึ่งนำแสดงโดยนักแสดงสาวดาวรุ่ง แอล แฟนนิ่ง ผู้ที่จะมาถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงเพศสภาพของตนเอง และแสดงให้เห็นว่ากว่าจะถึงจุดหมาย เธอจะต้องเจ็บปวดและพบเจอกับอะไรบ้าง ผลงานการกำกับและเขียนบทของแกบี เดลลาล
หนังเต็มเรื่อง About Ray ครอบครัวหนึ่งที่มีหญิงสาวทั้ง 3 รุ่น และแต่ละคนก็มีชีวิตที่เชื่อมโยงกัน คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่หย่าร้างกับสามี คุณยายที่เป็นเลสเบี้ยนและกำลังสับสนในตัวเอง และลูกสาวที่กำลังจะแปลงเพศเป็นชาย การเปลี่ยนแปลงของราโมน่าหรือเรย์ ลูกสาวของแม็กกี้ ที่เลี้ยงลูกคนเดียวหลังจากแยกทางกับสามี แม็กกี้เข้าใจถึงจิตใจของเรย์ถึงแม้จะยังไม่สนับสนุนการตัดสินใจครั้งนี้ของเรย์แบบเต็มใจ แต่เมื่อเรย์ต้องการพิสูจน์ตัวเองให้เธอเห็นว่าจิตใจของเธอเป็นผู้ชายจริงๆ และมีความสุขกับชีวิตที่เลือกแบบนี้ เธอเคารพการตัดสินใจของลูกสุดที่รักขอเธอ รวมทั้งคุณยายที่คอยให้กำลังใจกันอยู่เสมอ แต่หนทางการผ่าตัดแปลงเพศครั้งนี้ไม่ราบรื่นอย่างที่คิดเมื่อแพทย์ต้องการการได้รับคำยินยอมจากผู้ปกครองนั่นหมายถึงพ่อและแม่ของเรย์ ตามขั้นตอนที่ถูกต้อง แม็กกี้จึงตัดสินใจปรึกษากับอดีตสามี แต่เขาไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ของเรย์ แต่เรย์ก็ไม่ละความพยายามที่จะเดินทางไปพบพ่อของเธอ การก้าวสู่ความเป็นชายของเรย์จะสำเร็จหรือไม่ ความรักความเข้าใจของคนในครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้อาจจะดูเป็นหนังเฉพาะกลุ่มที่ทำออกมา เพื่อเป็นหนังทางเลือกสำหรับพวกรักร่วมเพศ แต่ถ้าจะมองให้ลึกลงไปแล้ว และนี้น่าจะเป็นหนังครอบครัวที่น่าดูเสียมากกว่า วันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา หนังเรื่องนี้ได้เข้าฉายที่โรงหนังในอเมริกา โดยมีผู้กำกับหนังที่นานๆ ทีจะมีผู้หญิงมารับตำแหน่งแห่งความคาดหวังภายใต้แรงกดดันจากทุกฝ่ายอย่าง แกบี้ เดลแลล ซึ่งเคยฝากฝีไม้ลายมือการกำกับหนังอย่าง One a Clear Day มาแล้ว กลับมาคราวนี้เธอได้นำเนื้อหาที่ยากจะตีแผ่มาเผยแพร่ให้ดูเป็นเรื่องง่ายๆ ซึ่งบรรดานักวิจารณ์หนังก็ดูจะสนอกสนใจกับการดูหนังเรื่องนี้มาเป็นพิเศษ จนมีข่าวลือว่าน่าจะติดรายชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์และรางวัลทางหนังอื่นๆ ในต้นปีหน้าได้ โดยผู้กำกับหญิงคนนี้ได้คว้าเจ้าหญิงออโรร่าจากหนังดิสนีย์อย่าง Maleficent มาบทเรย์ หญิงสาววัยรุ่นอายุ 17 ปี ที่อยากแปลงเพศ เพราะใจของเธอนั้นเป็นผู้ชายมาตั้งแต่เกิด เหลือแต่เพียงร่างกายที่เป็นหญิง ซึ่งต้องได้รับการแก้ไขให้ตรงกับสภาพจิตใจของเธอ และใครคนนั้นก็เป็นแอลล์ แฟนนิ่งส์ แท้ๆ ของดาโกต้า แฟนนิ่งส์ ที่มีดีกรีความสวยไม่แพ้กัน กลับมาคราวนี้เธอพลิกบทบาทเป็นพวกข้ามเพศในหนังดราม่าแสนอบอุ่นเรื่องนี้ แต่การแปลงเพศในครั้งนี้ของเธอก็ต้องมีอุปสรรค เพราะพ่อแท้ๆ ของเธอไม่ยอมลงชื่อในใบให้อนุญาต เรย์จึงต้องพยายามแสดงความเป็นชายให้พ่อของเธอเห็น และยอมรับในตัวเธอในแบบที่เธอเป็นให้ได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ป็นเรื่องราวของหญิงสาวนามราโมน่า ผู้ที่ค้นพบว่าตนเองนั้นเกิดในร่างกายที่ผิดเพศ เมื่อใจเธอนั้นเป็นผู้ชายอย่างสมบูรณ์แบบ  แต่ถึงกระนั้นชีวิตก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อการก้าวข้ามเพศนั้นไม่เพียงต้องแบกรับแรงกดดันจากสังคมภายนอก แต่ต้องค่อยๆทำให้คนรอบข้างยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับตัวเธอด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องซึ่งได้ผู้ช่วยคือแม่และยายที่เป็นเลสเบี้ยน คอยประคองให้เธอก้าวผ่านไปสู่สิ่งที่ต้องการให้สำเร็จ
หากการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงข้ามเพศ จะทำให้เรารับรู้ความยากลำบากในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อไปเป็นในสิ่งที่สังคมบางส่วนไม่ยอมรับ หนังเรื่องนี้ก็เสมือนหนังสืออีกเล่มที่จะเปิดเผยให้คุณเห็นว่า ไม่ใช่แค่ผู้หญิงข้ามเพศหรอกที่ลำบาก ผู้ชายข้ามเพศนั้นก็กดดันไม่แพ้กัน และอาจจะต้องใช้พลังกายพลังใจมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเพศสภาพเดิมนั้นเป็นผู้หญิงที่สรีระค่อนข้างจะอ่อนแอ และจิตใจนั้นซับซ้อนมากกว่าเพศชายยิ่งนัก นี่จึงเป็นเสมือนกระจกสะท้อนให้เราเห็นว่า บางครั้งการยืนยันเป็นในสิ่งที่เป็นตัวเองนั้นเป็นเรื่องยากเพียงใด โดยแต่เดิมผู้กำกับนั้นวางโครงการเอาไว้ในชื่อ 3 Generation เพื่อนำเสนอเรื่องราวความสัมพันธ์ของคนสามรุ่น คือลูก แม่ และยาย ก่อนที่ผู้กำกับจะสนใจเรื่องผู้ชายข้ามเพศ และหยิบมาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจคท์นี้ในที่สุด ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เป็นอย่างดีจากการที่ได้รับเสียงชื่นชมในเทศกาลหนังโตรอนโต เรียกเสียงปรบมือดังกระหึ่ม ด้วยถือว่าเป็นหนังที่ถ่ายทอดความงดงามของชีวิตได้อย่างน่าประทับใจ ตัวหนังกำลังจะเข้าฉายในไทย 30 ธันวาคมนี้ทุกโรงหนัง อย่าลืมไปสัมผัสความงามนี้ทุกโรงหนังเพื่อการเริ่มต้นปีใหม่อันแสนจะสวยงาม
นอกจากหนังจะบอกเล่าเรื่องความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแล้ว ยังสะท้อนทัศนคติอันหลากหลายของคนในสังคมที่มีต่อคนข้ามเพศอีกด้วยและเราควรเปิดใจต่อความจริงที่เกิดขึ้นและให้การยอมรับในตัวตน มากกว่าที่จะตัดสินว่าเขาเป็นอย่างไรไม่ใช่เพียงแค่พวกเขาไม่ใช่ชายหรือหญิง มาพร้อมกับความอบอุ่นใจจากความรักของแม่ที่ยิ่งใหญ่และแสนบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ชีวิตของเรย์ก้าวต่อไป ถ้าช่วงเทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่นี้ไม่ได้ไปไหน ก็แวะไปโรงหนังใกล้บ้าน ดูหนังอย่างส่งท้ายปีนี้กันได้ เพราะมีกำหนดฉายตั้ง 30 ธันวาคมโน่นแหนะ เลิกงานแล้วแวะไปดูก็ยังทัน จะได้มีอะไรไปคุยกับเขาในช่วงวันหยุด ถือซะว่าฉลองที่ปีนนี้อเมริกายอมให้คู่รักชาวสีรุ้งแต่งงานกันอย่างถูกกฎหมายก็ได้ อันที่จริงคู่รักเพศเดียวกันแบบนี้ก็มีอยู่แพร่หลาย โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ขึ้นขื่อว่าทอมหล่อและกระเทยก็สวยที่สุดในโลก ถ้าประเทศไทยมีการจดทะเบียนสมรสของชาวรักร่วมเพศได้ คงเป็นอีกหนึ่งสีสันที่ใครหลายคนต้องหันกลับมามองกฎหมายที่มีความเปิดกว้าง และยังให้สิทธิมนุษยชนของคนในชาติเราอย่างเต็มที่เชียวล่ะ