Spectre

กลับมาผงาดอีกครั้งกับหนังสายลับพันธุ์ระห่ำ บอนด์ 007 ในภาคล่าสุด “Spectre”

ออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับหนังสายลับพันธุ์ไม่มีวันตาย กับ “บอนด์ เจมส์บอนด์” ในโรงหนังไพน์วู้ดแห่งมหานครลอนดอน เป็นที่แน่นอนว่าทุกครั้งจะถูกจับตามองจากทั้งเหล่าบรรดาแฟนๆผู้ติดตาม และสื่อมวลชนวงการบันเทิงทุกแขนงว่าใครคือสาวสวยสุดเซ็กซี่ ที่จะมารับบทบาทเป็นสาวบอนด์คนใหม่และพร้อมทั้งอุปกรณ์ที่ล้ำนำสมัยอาวุธคู่กายของสายลับพันธุ์007 และมหากาพย์หนังภาคต่อที่มีมาอย่างยาวนานอย่าง “Bond”ดำเนินเรื่องราวถูกสร้างเป็นหนังมากถึง 24ภาคจาถึงปัจจุบัน และก็ยังคงได้รีบเสียงตอบรับชื่นชมจากบรรดาผู้ชมทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว หรือวัยผู้ใหญ่คนทำงานที่เติบโตมาพร้อมกับหนังภาคต่อมหากาพย์เรื่องนี้ ก็ยังคงติดตามอย่างเหนียวแน่นเรียกได้ว่าเป็นหนังหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ถูกสร้างให้เป็นหนังมาอย่างต่อเนื่องและยืนยาวนานที่สุดเลยก็ว่าได้ และในภาคล่าสุดก็ได้รับการเปิดเผยชื่อลงตัวว่าเป็น “Bond 24 โดยมีชื่อภาคว่า “Spectre”” โดยยกกองถ่ายทำทั้งในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ โรม, เม็กซิโก ซิตี้, แทนเจียร์,และประเทศออสเตรียนั่นเอง ยังคงได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง “แซม เมนเดส”มานั่งแท่นกุมบังเหียนใหญ่ควบคุมงานกำกับเช่นเคย ทั้งที่ก่อนหน้านี้นั่นมีกระแสข่าวลือสะพัดเกี่ยวกับบทบาทตัวร้ายหลักในเจมส์ บอนด์ภาคล่าสุดนั้น ตกเป็นของนักแสดงน้ำดีอย่างว่า “คริสตอฟ วอลท์”พร้อมทั้งยังบอกอีกว่าสาวสวยของบอนด์นั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักแสดงสาวเซ็กซี่ชาวฝรั่งเศษอย่าง “เลอา แซดู” เอ๋ยแค่ชื่อก็คงจะร้องอ๋อกันเป็นแถวเพราะเราต่างคุ้นหน้าคุ้นตาคุ้นสำเนียงของเธอดี จากการแสดงในบทบาทสำคัญอย่างหนัง “Mission Impossible: Ghost Protocal และ Blue is the Warmest Color”ของเฮียทอม ครูซสุดหล่อนั่นเอง และเป็นไปตามกระแสข่าวลือเมื่อทั้งสองนักแสดงชายหญิงนั้นติดโผเป็นหนึ่งในนักแสดงนำหนังสายลับบอนด์ภาคล่าสุดอย่างไม่พลิกโผ แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งสาวสวยเซ็กแอพพีลสูงอย่างสาว “โมนิกา เบลลูชี” มารับบทเป็น “ลูเซีย สเกียร์รา”อีกหนึ่งสาวสวยของสายลับเจมส์ บอนด์ เท่ากับว่าภาคนี้มีสาวบอนด์ถึงสองคนและเป็นสาวสวยสุดเซ็กซี่ทั้งคู่อีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถเรียกกระแสผู้ชมหนุ่มๆได้อย่างทล่มทลาย ที่ต่างก็เตรียมตัวเข้าแถวรอตีตั๋วดูหนังเพื่อไปชมความเซ็กซี่ของสองสาวสวยโดยเฉพาะนั่งเอง

หนัง “Bond 24.. Spectre”ภาคล่าสุดนั้นได้รับการเปิดเผยผ่านทางผู้กำกับฝีมือดีที่คว้ารางวัลจากเวทีการประวดมาอย่างมามายอย่าง “แซม เมนเดส”ว่าได้เลือกทีมงานผู้ผลิตดังเดิมเกือบทั้งหมด ที่ไม่ว่าจะเป็นนีล เพอร์วิส,จอห์น โลแกน และร็อบ เวด มารับหน้าที่เขียนบท, , คริส คอร์บูลด์ ดูแลเทคนิคพิเศษ, สตีฟ เบ็ก ดูแลเทคนิคพิเศษด้านภาพทั้งสองคนก็ยังคงกลับมาทำหน้าที่ตามเดิม อีกทั้งยังมี “แจนี่ เทไมม์” ที่มารับหน้าที่ดูแลงานออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของนักแสดงทุกคนในภาคนี้ทั้งหมด รวมถึง “แกรี่ พาวเวลล์”นักออกแบบคิวบู๊มือฉบังตั้งแต่ภาคก่อนๆก็ยังคงได้รับความไว้วางใจให้กลับมาดูแลในหน้าที่เดิม ส่วนในเรื่องของนักแสดงหน้าเก่าจากภาคก่อนของเจมส์ บอนด์นั้นก็ยังคงมีบางส่วนที่กลับมาสบทบอย่างจะมารับหน้าที่ต่ออย่างนักแสดงนาโอมิ แฮริส ในบทมันนีเพนนี,เรลฟ์ ไฟนส์ มารับบทเป็น M ต่อจากป้าจูดี้ เดนช์ที่เราต่างคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่าง รวมถึงนักแสดงจากภาคSkyfallบางส่วนที่จะกลับมาแสดงในภาคล่าสุดนี้ด้วย ส่วนที่เป็นประเด็นและกลายเป็นกระแสให้ได้ติดตามในทุกภาคของสายลับเจมส์ บอนด์นัน้นอกเหนือจากสาวสวยเซ็กซี่ข้างกาย เห็นจะเป็นอาวุธและรถพาหนะประจำตัวของสายลับ007ที่จะต้องล้ำนำหน้าเทคโนโลยีเหนือหนังเรื่องใด โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วว่ารถสุดล้ำนำเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาให้ใช้ในภาคนี้นั้นคือ “Aston Martin DB10”ซึ่งแน่นอนว่าได้รับการติดตั้งอาวุธและเทคโนโลยีพิเศษที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เคยที่จะเหมือนใครและเราคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน ซึ่งภาคนี้เจมส์ บอนด์ สายลับพันธุ์ระห่ำต้องเตรียมตัวรับมือกับองค์กรก่อการร้ายที่สุดแสนจะอันตรายภายใต้ชื่อว่าองค์กรก่อการร้ายที่มีความอันตรายต่อมนุษยชาติ ศัตรูและคู่ปรับตัวฉกาจตั้งแต่ภาคก่อนในปี1962 DR.No ว่าด้วยการตามล่าเข้ารหัสปริศนาจากภาคก่อนๆ ที่สายลับฆ่าไม่

เคยตายอย่างบอนด์สืบสาวราวเรื่องไปเจบต้นตอขององค์กรก่อการร้ายที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วโลก เขาจะสามารถเปิดเผยแผนการอันชั่วร้ายภายใต้การนำของหัวหน้าองค์กรอย่าง “เอิร์นส์ สตาฟโร โบลเฟลด์” ได้หรือไม่ พร้อมทั้งนายหญิงอย่างM จะต่อกรกับอำนาจการเมืองภายในประเทศที่จ้องจะทำลานและยุบMI6 องค์กรสายลับของบอนด์เพื่อกำจัดเสียนหนามไปได้หรือไม่ ไปร่วมกันลุ้นระทึกกับ“Bond 24.. Spectre”โดยใช้ชื่อภาษาไทยว่า “องค์กรลับดับพยัคฆ์ร้าย” เตรียมตัวของคุณให้พร้อมแล้วไประเบิดความมันส์สุดระห่ำกันต่อทุกโรงหนังชั้นนำทั่วประเทศพร้อมกันในระบบ IMAXและระบบปกติ ในวันที่6 พฤศจิกายน 2015