“เหมรฺย”พันธสัญญาลี้ลับ สู่ภาพยนตร์สะท้อนความเชื่อและวัฒนธรรมใต้

“เหมรฺย”พันธสัญญาลี้ลับ สู่ภาพยนตร์สะท้อนความเชื่อและวัฒนธรรมใต้

ก่อนภาพยนตร์ “เหมรฺย” ผลงานกำกับโดย เอกชัย ศรีวิชัย เข้าฉายในวันที่ 25 มกราคม 2567 นี้ บทความนี้ขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ “เหมรฺย” พันธสัญญาลี้ลับที่ฝังรากลึกในความเชื่อของคนใต้ ผ่านมุมมองของภาพยนตร์และข้อมูลเชิงลึก

“เหมรฺย” หมายถึง ข้อตกลงพันธสัญญาที่มนุษย์ทำไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลี้ลับ หรือสิ่งที่เคารพศรัทธา เปรียบเสมือนการบนบานศาลกล่าว แลกเปลี่ยนสิ่งของหรือความปรารถนาเพื่อขอพร โดยหวังผลตอบแทนในรูปแบบต่างๆ เช่น การปกป้อง รักษา หรือความเจริญรุ่งเรือง แต่หากผิดคำสัตย์ ผลร้ายแรงอาจติดตามมาถึงชีวิต

เหมรฺยมี 2 รูปแบบหลัก

1. การกล่าวด้วยวาจา: เป็นการบนบานสัญญาด้วยคำพูด มักใช้สำหรับเรื่องทั่วไปหรือไม่สำคัญมาก

2. การนำสิ่งของมาเป็นตัวแทน: เป็นการบนบานสัญญาด้วยสิ่งของ มักใช้สำหรับเรื่องสำคัญมาก เช่น การขอชีวิต หรือ การขอสิ่งที่ยากจะได้

“เหมรฺย” ในภาพยนตร์เรื่องนี้

ภาพยนตร์ “เหมรฺย” นำเสนอเรื่องราวผ่านนาฏศิลป์ทางใต้ “โนราห์” หรือ “มโนราห์” ซึ่งนอกจากจะเป็นศาสตร์การแสดงแล้ว ยังมีความเชื่อเรื่องการรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่มองไม่เห็น และแพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาได้ ผู้สืบทอดศาสตร์นี้ถูกเรียกว่า “ครูหมอโนราห์” หรือ “โนราห์โรงครู”

ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงน่าสนใจในแง่มุมของ

1. การสะท้อนความเชื่อและวัฒนธรรมใต้: เอกชัย ศรีวิชัย ผู้กำกับฯ ขึ้นชื่อเรื่องการนำเสนอวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านภาพยนตร์เสมอ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นโอกาสให้คนทั่วไปได้เรียนรู้เกี่ยวกับ “เหมรฺย” ความเชื่อ และศาสตร์โนราห์

2. การผสมผสานความบันเทิงและสาระ: ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนความเชื่อและวัฒนธรรม แต่ยังมีองค์ประกอบของหนังสยองขวัญ ดึงดูดความสนใจและสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชม

3. การตั้งคำถามต่อความเชื่อ: ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอ “เหมรฺย” ในเชิงบวกเพียงด้านเดียว แต่ยังตั้งคำถามต่อผลลัพธ์และความรับผิดชอบที่ตามมาจากการบนบานสัญญา

“เหมรฺย” จึงเป็นภาพยนตร์ที่น่าติดตามทั้งในแง่มุมของเนื้อหา ความบันเทิง และประเด็นทางสังคม

ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของ เอกชัย ศรีวิชัย ในฐานะผู้กำกับฯ ที่เชี่ยวชาญเรื่องวัฒนธรรมท้องถิ่น และน่าสนใจว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเสนอประเด็น “เหมรฺย” ได้อย่างลึกซึ้งเพียงใด และจะสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อมุมมองของผู้คนที่มีต่อความเชื่อนี้อย่างไร