การกลับมาบู๊ระห่ำอีกครั้งของ Tom Cruise ใน “Jack Reacher: Never Go Back”
อีกหนึ่งบทบาทสายลับขาลุยในโลกหนังของ Tom Cruise ที่นอกจากจะโชว์ลีลาการไล่ล่าข้ามทวีปในเรื่อง Mission Impossible มาหลายต่อหลายภาคแล้ว นักแสดงมากความสามารถคนนี้ยังรับบทสายลับขาโหด Jack Reacher ในหนังชื่อเรื่องเดียวกันนี้ที่ออกฉายในปี 2012 ซึ่งบทบาทของเขาในเรื่องนี้จะเน้นบู๊แหลก และลุยใส่บทโหดมากกว่าในเรื่อง Mission Impossible จึงทำให้ถูกใจแฟนๆ ขาบู๊ทั้งหลาย ทำให้สตูดิโอ Paramount Pictures และสตูดิโอ Skydance Media ตัดสินใจเดินหน้าภาคต่อของเรื่องนี้ทันที แต่เพราะกว่าจะได้ตกลงรายละเอียดของทั้งทีมงาน นักแสดงและบทหนัง กว่าที่ทุกอย่างจะลงตัว และเริ่มการถ่ายทำได้ จนหนังภาคต่อของเรื่องนี้เสร็จสมบูรณ์ก็กินเวลาจากภาคแรกนานกว่า 4 ปี และในปี 2016 นี้ Jack Reacher ก็พร้อมกลับมาสร้างความมันในภาคต่อแล้ว ในชื่อว่า “Jack Reacher: Never Go Back”
ซึ่งในภาคนี้ Jack Reacher เดินทางกลับไปยังสำนักงานใหญ่ ฐานทัพเก่าของเขา แต่เขากลับได้รับรู้ว่าตัวเองตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมเด็กอายุ 16 ปี Jack Reacher กลายเป็นผู้ต้องหาที่ตำรวจต้องการตัว สายลับหนุ่มจึงต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ และเมื่อเขาตัดสินใจว่าไม่สามารถใช้ชีวิตหลบซ่อนอยู่กับความลับทั้งหลาย และความผิดที่เขาไม่ได้ก่อขึ้นมาได้อีกต่อไป เขาจำเป็นที่จะต้องออกจากเงามืดมาเปิดเผยความจริงทั้งหมด เพื่อความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่การทำแบบนั้นกลับทำให้เขากลายเป็นตัวอันตรายที่ถูกคนของรัฐบาลตามไล่ล่าอีกครั้ง เมื่อความจริงที่เขาค้นพบนั้นมากกว่าการใสร้ายเขาในคดีฆาตกรรมธรรมดา แต่มันเป็นเรื่องราวความลับดำมืดที่รัฐบาลต้องการฝังกลบไปพร้อมกับสายลับคนนี้
Jack Reacher จะสามารถค้นหาความจริงทั้งหมดภายใต้การตามไล่ล่าอย่างไม่ลดละจากฝ่ายตรงข้ามได้หรือไม่ และความจริงที่ซ่อนอยู่หลังการฆาตกรรมนี้คืออะไร ติดตามได้ใน “Jack Reacher: Never Go Back” งานนี้นอกจากจะรับบทสำคัญในเรื่องแล้ว Tom Cruise ยังทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ด้วยตัวเองร่วมกับ Don Granger, David Ellison, Dana Goldberg และ Christopher McQuarrie ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วใน Mission Impossible รับรองความมันสะใจไม่มีตกแน่นอน 20 ตุลาคมนี้ ในโรงหนัง
