Doctor Strange (2016) ด็อกเตอร์ สเตรนจ์

ตัวละคร Doctor Strange หรือด็อกเตอร์สตีเฟ่น สเตนจ์  นั้นถูกสร้างขึ้นในปี 1963  ที่ถูกเรียกว่า Dr.Strange ก็เพราะว่าหากยึดเนื้อเต็มเรื่องตามการ์ตูนนั้น มีอาชีพเป็นหมอจริงๆ ดร.สเตรนจ์ เป็นฮีโร่ที่ใช้พลังเวทย์ในการต่อสู้กับภูติผีปีศาจที่ชั่วร้ายเพื่อปกป้องโลก แอบมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าไม่แน่ เขาอาจจะปรากฏตัวใน Avengers 3 ก็เป็นได้ ส่วนผู้ที่จะมารับบทดูหนัง ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ จอมเวทมหากาฬ ก็คือนักแสดงหนุ่ม Benedict Cumberbatch นั่นเอง

อีกหนึ่งฮีโร่ที่หลายคนรอคอยสำหรับคุณหมอที่ค้นพบพลังพิเศษอย่าง Dr.Strange โดยเต็มเรื่องราวของฮีโร่นามว่า ดร.สเตรนจ์ ถูกสร้างมาจาก มาร์เวล คอมิก โดยที่เขาปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือฉบับที่ 101 โดยจะมีความแตกต่างจากฮีโร่ตนอื่นของมาร์เวล เพราะจะเป็นการเล่นเรื่องจิตวิทยา ภายใต้แนวคิดทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ทั้งยังเสนอเรื่องพลังภายในที่ไม่สิ้นสุดของคนเราอีกด้วย เรียกว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะแปลกและน่าสนใจมากในการเป็นฮีโร่ของมาร์เวล ซึ่งงานนี้คนที่มานั่งแท่นกำกับคือ Scott Derrickson ส่วนคนที่มารับหน้าที่ฮีโร่ล่าสุดของมาร์เวลคือ เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทซ์ ขวัญใจสาวๆหลายคนนั่นเอง

 

เป็นเรื่องราวของ สตีเฟ่น สเตนจ์ (Benedict Cumberbatch) ซึ่งแต่เดิมเขาเป็นหมอศัลยแพทย์ทางประสาทที่เก่งกาจมาก แต่โชคร้ายประสบอุบัติเหตุบางอย่างทำให้เขาต้องเสียมือข้างที่ถนัดอันเป็นที่รักไป ไม่สามารถใช้มือข้างนั้นได้อีก เขาจึงพยายามหาวิธีรักษามือข้างนี้ทุกวิถีทาง เมื่อทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ผล เขาจึงมองหาหนทางแบบไสยศาสตร์จนกระทั่งได้พบกับผู้วิเศษเป็นฤาษีบนเทือกเขาอันห่างไกล ผู้ที่มองเห็นพลังบางอย่างในตัวเขา และได้สอนเวทมนตร์มากมายให้กับเขาจนเขาสามารถรักษามือให้หายได้ แต่ชีวิตของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อสตีเฟ่น สเตนจ์นั้นเลือกที่จะใช้พลังวิเศษในการช่วยเหลือผู้คนแทนการกลับไปเป็นหมอศัลยแพทย์เหมือนเดิม

ออกจะเป็นฮีโร่ที่แปลกกว่าคนอื่น ตรงที่มีไสยศาสตร์มาเกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ดูเป็นอะไรที่อภินิหารแฟนตาซีพอสมควรสำหรับฮีโร่คนนี้ นอกจากนี้ในฉบับหนังเองก็พยายามจะใส่รายละเอียดต่างๆของตัวละครให้ใกล้เคียงกับฉบับการ์ตูนมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ บุคลิกลักษณะ เรียกว่าถอดแบบมาเลยทีเดียว เว้นสิ่งเดียวที่ถูกปรับเปลี่ยนคือ ตัวละครอย่าง ผู้วิเศษโบราณ ที่ในเวอร์ชั่นการ์ตูนจะเป็นชายแก่แต่มาเวอร์ชั่นหนังกลับเป็นผู้หญิง ซึ่งคนที่มารับบทนี้คือ ทิลดา สวินตัน งานนี้นอกจากคนจะลุ้นกับดร.สเตนจ์ เชื่อว่าหลายคนก็ต้องสงสัยในรายละเอียดของตัวร้ายกันด้วย บอกเลยว่างานนี้อาจจะมีปรับนิดหน่อย ดูนุ่มนวลขึ้น แต่เชื่อว่ามาร์เวลไม่น่าจะถึงขั้นทำให้เสียอรรถรสในการรับชม

ดร.สเตรนจ์เป็นฮีโร่ทั้งทีก็ต้องมีที่พักและสมบัติ อุปกรณ์พิเศษประจำตัวกันบ้าง และยิ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “จอมเวทย์สูงสุด” ของจักรวาลฮีโร่แล้ว ทั้งที่พักและเหล่าสมบัติ อุปกรณ์ต่างๆ ของ Doctor Strange เต็มเรื่องฮีโร่คนล่าสุดในจักรวาลดูหนังของ Marvel นั้นย่อมต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว วันนี้เราเลยขอใจกล้าบุกบ้านของจอมเวทย์สูงสุดคนนี้ และแอบสำรวจสมบัติ อุปกรณ์ต่างๆ ของเขากันสักหน่อย มาดูสิว่าท่านจอมเวทย์สูงสุดผู้นี้มีความเป็นอยู่ยังไง และแอบซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง

เริ่มจาก Sanctum Sanctorum ที่พักสุดหรูของ DoctorStrange ตั้งอยู่บนเลขที่ 177A Bleecker Street ใกล้กับหมู่บ้าน  Greenwich ของเมือง New York ที่ไม่ใช่แค่ที่พักธรรมดาๆ แต่เต็มไปด้วยพลังพิเศษที่ไหลเวียนอยู่เต็มเปี่ยมภายในทาวน์เฮ้าส์หลังนี้ แม้ดูจากภายนอกอาจจะเห็นเป็นเพียงแค่ทาวน์เฮ้าส์ธรรมดาทั่วไป แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางอย่างคาดไม่ถึง ทางเดิน ระเบียงและห้องต่างๆ ก็สามารถเปลี่ยนตำแหน่งที่ตั้งด้วยตัวของมันเองได้อีกด้วย แต่ละครั้งที่เข้าไปในบ้านหลังนี้จึงเหมือนเดินเข้าไปในเขาวงกตสำหรับคนที่ไม่ได้รับเชิญ ชั้นใต้ดิน ชั้นแรก และชั้นที่ 2 นั้นเหมือนที่พักอาศัยปกติทั่วไปธรรมดา แต่ชั้นที่ 3 ของบ้านหลังนี้ยังเป็นที่เก็บรักษาบรรดาของวิเศษต่างๆ ไว้อีกมากมาย ทั้งอันตราย น่าลุ่มหลง แสนชั่วร้าย และทรงอำนาจ และที่โดดเด่นอยู่ชั้นบนสุดนั้นก็คือ Window of the Worlds หรือ The Anomaly Rue เป็นสิ่งที่เชื่อมต่อกับ The Book of the Vishanti ของวิเศษชิ้นสำคัญที่ช่วยปกป้อง Sanctum Sanctorum จากพลังชั่วร้ายภายนอกที่จะเข้ามาทำลายบ้านหลังนี้ รวมถึงปกป้องทุกอย่างในบ้านเอาไว้ด้วย

The Book of the Vishanti เป็นหนังสือเวทมนต์เล่มสำคัญที่สุดที่ Dr.Strange มีอยู่ และได้รับสืบทอดมาจาก The Ancient One เป็นหนังสือเวทมนต์ที่รวบรวมคาถา มนตราต่างๆ และเวทมนต์ด้านไสยขาวเอาไว้มากที่สุดในโลก ซึ่งตรงข้ามกับ  The Darkhold ที่รวบรวมเรื่องของเวทมนต์ด้านไสยดำเอาไว้  The Book of the Vishanti จึงเป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญของ DoctorStrange เอาไว้ใช้จัดการกับเหล่าร้าย แต่ความรู้ เวทมนต์บางบทในหนังสือเล่มนี้ก็สามารถส่งผลร้ายแรงได้ ถ้าหากผู้ใช้ไม่พิจารณาให้ดี หรือนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งดร.สเตรนจ์ก็เคยพลาดเองกับมือมาแล้ว เมื่อครั้งที่ต้องการฟื้นคืนชีพ Victor พี่ชายของเขาเอง แต่กลับกลายเป็นว่านอกจากจะไม่สามารถคืนชีพให้ได้แล้ว ยังทำให้พี่ชายกลายเป็นแวมไพร์ และต้องตามสะสางปัญหาที่ตัวเองก่อเอาไว้อีกนานทีเดียว

The Eye of Agamotto อีกหนึ่งของวิเศษชิ้นสำคัญของดร.สเตรนจ์ที่มักจะเห็นเขาสวมติดตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นเครื่องรางลึกลับที่ถูกค้นพบหรือสร้างโดย Agamotto ของวิเศษชิ้นนี้ช่วยให้ดูหนัง Doctor Strange มองเห็นโลกมิติอื่นๆ ที่ซ้อนทับอยู่กับโลกมนุษย์ปกติ หรือเรียกได้ว่าของวิเศษชิ้นนี้สามารถทำให้ผู้ใช้นั้น “มองเห็นได้ทุกสิ่ง” ผ่านภาพลวงตาหรือสิ่งบดบังต่างๆ ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง นอกจากนั้นยังสามารถควบคุมจิตใจคนอื่นได้ แสดงอดีตและอนาคตของสิ่งต่างๆได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ ปีศาจ หรือสิ่งของต่างๆ

นี่ยังเป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ที่มีในด็อกเตอร์ สเตรนจ์ จอมเวทมหากาฬส่วนที่เหลือก็ต้องรอลุ้นกันว่าจะอลังการ และน่าตื่นตาตื่นใจสักแค่ไหน และเมื่อกระแสตอบรับดีขนาดนี้ ทางสตูดิโอก็ขอเลื่อนวันฉายให้ใกล้เข้ามาอีก 1 วัน เป็นวันที่ 26 ตุลาคมนี้ สำหรับประเทศไทย เตรียมไปเปิดมิติใหม่กับดูหนังด็อกเตอร์ สเตรนจ์ จอมเวทมหากาฬได้ในโรงดูหนังทั้งระบบปกติ 3มิติ 4DX และ IMAX ความน่าสนใจดูหนัง ดร.สเตรนจ์ เป็นฮีโร่ที่แปลกเพราะใช้พลังเวทย์อย่างชัดเจน ทั้งยังมีความลึกลับน่าพิศวงผสมผสานอยู่ด้วย ถ้าหากว่าทางมาร์เวลทำออกมาได้อย่างดี จะถือว่าเป็นฮีโร่ที่มีเสน่ห์มากๆ เลยทีเดียว ติดตามรอ ดูหนัง ออนไลน์ เต็มเรื่อง ได้เลยค.ศ. 2016 นี้แน่นอน

ไม่น่าเชื่อว่าจอมเวทย์สูงสุดคนนี้จะเกิดมาจากไอเดียแค่เพียง 5 หน้า ของ Steve Ditko นักวาดการ์ตูน ที่นำเอาเรื่องราวที่เขาคิดขึ้นมาเข้าไปให้ Stan Lee นักเขียนการ์ตูนเพื่อนร่วมงานของเขาดู แล้วทั้ง Stan Lee และ Steve Ditko ก็ร่วมกันสร้างดร.สเตรนจ์ให้มีชีวิตขึ้นมาในจักรวาลการ์ตูนของ Marvel และการตั้งชื่อว่า Strange นั้น ก็เพราะว่าตัวละครนี้จะไปปรากฏอยู่ในเรื่อง Strange Tales #110 ในปี 1963 เป็นครั้งแรกนั่นเอง Stan Lee ได้นำเอาคาแรคเตอร์ของนักมายากลในเรื่อง Chandu the Magician ที่ออกอากาศในสถานีวิทยุในขณะนั้นมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างด็อกเตอร์ สเตรนจ์

ซึ่งจอมเวทย์คนใหม่คนนี้ก็ทำให้คนอ่านอดคิดและตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า ทีมงานที่วาดและแต่งเรื่องราวของดร.สเตรนจ์นั้นอาจจะกำลังเมาสารเสพติดบางชนิดอยู่ก็เป็นได้ เพราะในเรื่องราวของจอมเวทย์คนนี้ มีการนำทั้งความรู้เรื่อง Cosmology ที่เกี่ยวกับวิวัฒนาการกำเนิดจักรวาลและสิ่งมีชีวิต, เวทมนต์ต่างๆ  เรื่องราวลึกลับ ปริศนาที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้อันโด่งดังทั่วโลกเข้ามารวมอยู่ในเรื่องนี้ทั้งหมด และฉากที่ทำให้ทั้งคนอ่านและคนวาดต่างก็มึนงง สับสนคล้ายๆ จะมีอาการ “เมา” นั้นก็คือ “การบิดมิติเวลา” นั่นเอง โดยเป็นความสามารถของดร.สเตรนจ์ จอมเวทย์สูงสุดคนนี้ที่ต้องดูแล จัดระเบียบไม่ให้สิ่งมีชีวิต หรือพลังจากมิติเวลาอื่นๆ มาวุ่นวายในมิติที่มนุษย์อาศัยอยู่ บางครั้งก็ต้องทำการบิดมิติเวลาเพื่อจัดการปัญหาเหล่านี้ ซึ่งภาพที่ออกมาก็ชวนเวียนหัวคนอ่านไม่น้อย

และข่าวที่เซอร์ไพร์สแฟนๆ Marvel ทั่วโลกที่เพิ่งประกาศตอนต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ก็คือ การเลื่อนฉายดูหนังเรื่องนี้ให้เร็วขึ้นในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ จะได้ดูเรื่องนี้เร็วก่อนประเทศอื่นๆ ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ส่วนในไทยก็อย่าเพิ่งน้อยใจไป เพราะมีการเลื่อนกำหนดการฉายเรื่องนี้ให้เร็วขึ้นเช่นเดียวกัน จากเดิม วันพฤหัสบดี ที่ 27 ตุลาคม เป็นวันพุธ ที่ 26 ตุลาคม แทน เร็วขึ้นมาอีก 1 วัน ส่วนประเทศสุดท้ายที่กว่าจะได้ดูหนัง Doctor Strange ก็ข้ามไปปี 2017 โน่นเลยก็คือ ประเทศญี่ปุ่น ที่กำหนดการฉายเรื่องนี้เอาไว้ที่ วันที่ 27 มกราคม 2017 แต่ถึงแม้ว่าจะเข้าฉายไม่พร้อมกันทั่วโลก แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ความยาวของดูหนัง ที่ทางสตูดิโอได้ออกมาประกาศเรียบร้อยแล้วว่า Dr.Strange จะมีความยาวทั้งหมด 130 นาที หรือ 2 ชั่วโมง 10 นาทีนั่นเอง ก่อนเข้าไปก็ทำธุระกันก่อนนะครับ

ดร.สเตรนจ์ (Doctor Strange) ใกล้เข้าฉายเข้ามาทุกทีแล้ว ด้าน Empire Magazine นิตยสารหนังและบันเทิงเจ้าดังก็ไม่พลาดที่จะนำเอาภาพและบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับหนังฮีโร่เรื่องล่าสุดจาก Marvel มาฝากแฟนๆ ในฉบับล่าสุดนี้ โดยมี 2 ปก ทั้งแบบ Dr.Strange แบบเดี่ยวๆ หรือจะมาพร้อมกับ  Wong และ Karl Mordo ที่ทำให้แฟนๆ เซอร์ไพรส์ก็คือ การเห็น  Ancient One ในชุดเต็มยศสีเหลืองขนาดนี้ และจากภาพนี้หลายคนที่รู้มาจักเนื้อหาของ Comic แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า จริงๆ แล้วตัวร้ายหลักน่าจะเป็น Karl Mordo รับบทโดย Chiwetel Ejiofor แต่ในเมื่อเขามาอยู่รวมในทีมเดียวกันกับ Ancient One ก็น่าจะเดาได้แล้วว่าในภาคนี้เราคงจะยังไม่ได้เห็นตัวละครตัวนี้กลายเป็นตัวร้าย

และกว่าจะได้ Benedict Cumberbatch มารับบท Doctor Strange ในเต็มเรื่องนี้นั้น ก็เล่นเอาทั้งสตูดิโอ Marvel วิ่งวุ่นกันเลยทีเดียว เพราะจากคำสัมภาษณ์ของผู้อร้ายอย่างที่ใครหลาในภาคนี้เราคงจะยังไม่ได้เห็นตัวละครกลายเป็นตัวร้ายอย่างที่ใครหลายคนต้กำกับ Scott Derrickson บอกว่า ตามแผนเดิมที่ทางค่ายวางไว้นั้น หนัง ดร.สเตรนจ์ มีกำหนดเข้าฉายประมาณเดือนกรกฎาคม ปี 2016 แต่ในขณะนั้น Benedict Cumberbatch ได้ตอบปฏิเสธบทนี้ไป เหตุเพราะเขาไม่มีเวลาให้ในช่วงที่จะเปิดกล้องถ่ายทำ เนื่องจากนักแสดงหนุ่มคนนี้ได้สัญญาที่จะเล่นละครเวทีเอาไว้แล้ว แม้จะได้พบปะพูดคุยกันกับทีมงานและผู้กำกับของเรื่องนี้ในเบื้องต้นและมีความสนใจในบทนี้แค่ไหน แต่ตัวเขาก็ต้องปฏิเสธไป ตัว Benedict Cumberbatch เองก็ให้สัมภาษณ์ว่า แม้จะรู้สึกเสียดายแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถยกเลิกการแสดงละครเวทีให้ได้ เพราะได้ตกปากรับคำทีมงานละครเวทีเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และบัตรชมการแสดงก็ถูกขายหมดล่วงหน้าไปแล้วเรียบร้อยด้วย เขาจึงไม่สามารถทำให้แฟนๆ ที่ซื้อบัตรไปแล้ว ผิดหวัง หากไม่ได้มาเจอเขาบนเวที และเขาเองก็รู้ว่าโอกาสที่ทางสตูดิโอ Marvel ยื่นให้นี้ไม่ได้ผ่านมาง่ายๆ เมื่อเขาปฏิเสธไปแล้ว เขาก็คิดว่าคงไม่มีโอกาสที่จะได้รับบทนี้อีกแล้ว

แต่ผู้กำกับ Scott Derrickson ไม่คิดแบบนั้น เพราะต่อให้เขาจะลองติดต่อพูดคุยกับนักแสดงชายคนอื่น เพื่อให้มารับดร.สเตรนจ์ยังไง เขาเองก็รู้สึกว่านักแสดงเหล่านั้นยังไม่ใช่สเตรนจ์ในแบบที่ควรจะเป็น ความรู้สึกว่าด็อกเตอร์ สเตรนจ์ จอมเวทมหากาฬต้องเป็น Benedict Cumberbatch คนเดียวเท่านั้น ยังเกาะกินจิตใจของเขาอยู่ ดังนั้น Scott Derrickson จึงเข้าไปประชุมหารือกับผู้บริหารของ Marvel และในที่สุด ทางค่ายก็ยอมเลื่อนการถ่ายทำและกำหนดการฉายของเรื่องนี้ออกไป

ในส่วนของคนที่ชอบหนังซูเปอร์ฮีโร่ โดยเฉพาะเหล่าฮีโร่ของมาร์เวล น่าจะได้ลิ้มชิมหลายรสสำหรับหนังเรื่องนี้ เพราะไม่เพียงแค่ความสนุก แต่ยังมีความเป็นหนังปรัชญา ค้นหาตัวตน จิตวิญญาณเอาไว้มากมาย ซึ่งปีนี้จะเรียกว่าเป็นปีแห่งฮีโร่มาร์เวลเดินหน้ามาสนุกสนานด้วยกันก็ได้ เพราะตั้งแต่ต้นปีก็แห่ขบวนกันมาจนดูแทบไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นการจะพลาดเรื่องนี้ตอนปลายปีก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าทำนัก