Hail, Caesar

Hail, Caesar พูดถึงฮอลลีวูดในยุคปี 1950 ที่เรืองรองสว่างไสว ภาพที่ทุกคนเห็นคือความยิ่งใหญ่อลังการสวยงามสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นแก่แฟนหนังได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากแต่มุมที่ทุกคนไม่รู้และไม่เห็นคือเบื้องหลังที่ทั้งอลเวง ป่วนประสาท แต่ละคนแทบจะกัดลิ้นตายเมื่อต้องแก้สารพัดปัญหาให้ผ่านไปด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องสัมพันธ์ฉันชู้สาวที่ก่อปัญหาให้กองถ่ายตลอด หรือปัญหาที่นักแสดงถูกจับตัวไป หายตัวไปโดยที่งานยังค้างคา  เรื่องบทกับนักแสดงที่ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน ไหนจะเรื่องราวฝ่ายบริหารและทีมผู้สร้างที่ไม่ลงรอยกัน ซึ่งสารพัดสารพันปัญหาที่ประเดประดังเข้ามาให้ Fixer อย่างเอ็ดดี้ แมนนิกซ์ต้องคอยรับหน้าหาทางแก้ไขให้ทุกอย่างผ่านพ้นไป และให้งานนั้นเดินไปจนสำเร็จลุล่วงให้ได้ ไม่เพียงงานเท่านั้น แต่ยังเป็นหน้าตาของเหล่านักแสดงและหน้าตาของทางค่ายด้วย บอกเลยว่า ประสาทไม่แตกก็ให้มันรู้ไปในส่วนของเนื้อเรื่อง Hail , Caesar จะใช้ฉากหลังเป็นฮอลลีวูดในยุค 50 ซึ่งยุคนั้นเหล่านักแสดงและทีมงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคนเขียนบท ผู้กำกับ จะต้องเซ็นสัญญาอยู่ภายใต้ค่ายหนัง ดังนั้นพวกเขาเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนเป็นหน้าตาของทางค่าย การรักษาภาพลักษณ์ของพวกเขา (โดยเฉพาะนักแสดง) ให้ปราศจากรอยมลทิน จึงเป็นหน้าที่ของ fixer ที่จะต้องคอยตามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นต่างๆนาๆ และงานนี้ก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เมื่อนักแสดงหนุ่มของกองถ่ายหนัง Hail , Caesar ถูกลักพาตัวไป ผู้ที่รับหน้าที่ fixer ของค่ายจึงพยายามจะหาทางแก้ปัญหาด้วยการหาตัวแสดงแทน แต่นั่นก็ไม่อาจจะรอดพ้นการขุดคุ้ยของนักข่าวได้

ความน่าสนใจนั้นไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องราว หรือการจับดาราแถวหน้าของวงการฮอลลีวูดมาแสดงหนังคอมเมดี้เท่านั้น แต่ฉากและการจัดธีมของหนังให้อยู่ในช่วงยุคปี 50 ก็ช่วยเพิ่มความคลาสสิคเก๋ไก๋ให้กับหนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี เชื่อว่าแฟนๆน่าจะรอชมกันอย่างใจจดใจจ่อ ปี 2016 นี้ ไม่พลาดแน่นอนนอกจากการขนดารามาแบบมหาศาลอลังกาลแล้ว สิ่งที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือบท ที่ได้ข่าวว่าทั้งจิกกัด ทั้งกระแนะกระแหน แบบเคารพ (เอ๊ะ! ยังไง) ซึ่งแฟนหนังหลายคนต่างก็อยากรู้ว่าพี่น้องโคเอนจะเขียนบทออกมาได้ดุเด็ดเผ็ดจนสาแก่ใจแค่ไหน ดูเหมือนว่าหลายคนจะตั้งความหวังว่ามันย่อมจะไม่ธรรมดา โดยเฉพาะบทหนังที่เสียดสีเบื้องหลังวงการฮอลลีวูดที่ยิ่งใหญ่อลังการและทำรายได้มหาศาลแก่คนทำหนัง เชื่อมั้ยว่า เบื้องหน้าที่สวยงามซึ่งเราเห็นนั้น เบื้องหลังจะเป็นสุดยอดแห่งความยุ่งเหยิงชนิดที่ว่าฟ้าแทบจะถล่มลงตรงหน้าคนที่มีหน้าที่ต้องคอยตามแก้ไข้เรื่องราวยุ่งเหยิงนั้นทีเดียว ดูไปก็ค่อนข้างจะน่าสนใจ เพราะเราน่าจะได้เห็นว่า การรับมือกับปัญหาโลกแตกที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิด ทั้งปัญหาภายนอก และปัญหาภายในที่เกิดจากตัวคนนั้น เราจะมีวิธีรับมือและจัดการให้งานเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร และนี่คือตัวอย่างชั้นยอดที่ถูกถ่ายทอดลงเป็นหนัง ซึ่งเราไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง