จากปลายปากกาของ “เอียน เฟลมมิ่ง” เกิดเป็นเจมส์ บอนด์ 007

จากปลายปากกาของ “เอียน เฟลมมิ่ง” เกิดเป็นเจมส์ บอนด์ 007

เอียน เฟลมมิ่ง

เป็นที่สุดแห่งหนังสาบลับทรงเสน่ห์ระดับตำนาน ที่ได้รับการกล่าวขานพูดถึงตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน สายลับผู้ไม่มีวันตายเพราะถูกสร้างเป็นหนังสานต่อความสำเร็จมามากถึง 23 ภาคด้วยกัน โดยเริ่มต้นสร้างประวัติศาสตร์เป็นหนังสายลับเรื่องยาวในปี 2505 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลายาวนานสูงสุดถึง 53 ปีด้วยกัน!! และทั้งหมด 23 ภาคนั้นต่างประสบความสำเร็จด้วยยอดรายได้มหาศาลหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดอันดับ box office หนังทำเงินและได้รับความนิยมทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานมากที่สุดเรื่องหนึ่งของวงการหนังหนังฮอลลีวูด โดยมีนักแสดงชายมากฝีมือชื่อดังถึง 6 คนที่สลับสับเปลี่ยนมารับบทเป็นพระเอกนำในบทบาทสายลับทรงเสน่ห์ เจมส์ บอนด์ 007 สายลับของรัฐบาลเมืองผู้ดีอังกฤษ ที่ถูกส่งมาเพื่อปฏิบัติภารกิจสอดแนมในแต่ละยุดแต่ล่ะสมัยที่ต่างกัน ซึ่งตัวละครนี้เป็นเพียงตัวละครที่ถูกสมมุติขึ้นมาไม่มีอยู่จริงแต่อย่างใด หากแต่ได้รับการประพันธ์สร้างสรรค์เป็นตัวละครสายลับที่มีความสมจริงเสมือนว่าเขาคนนี้มีตัวตนอยู่จริง เป็นอดีตสายลับของรัฐบาลในความรู้สึกของแฟนๆผู้ติดตามชื่นชอบชื่นชมหนังเหล่านี้ทั่วโลกคงต้องยกความดีความชอบให้กับเขาคนนี้ เอียน เฟลมมิ่ง (Ian Lancaster Fleming) ผู้ประพันธ์หนังสือ  James Bond 007 ในปี พ.ศ.  2496 ซึ่งก่อนหน้านั้นเขารับราชการเป็นทหารรับใช้อยู่กับฝ่ายข่าวกรองของกองทัพเรือ ก่อนที่เขาจะพูดติดตลกกับเหล่าบรรดาเพื่อนๆในกองทัยเรือว่า “I am going to write the spy story to end all spy stories.” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเส้นสายอาชีพของนักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ได้สร้างสรรค์จรดปลายปากกาให้เกิดเป็นตำนานตัวละครสายลับทรงเสน่ห์สุดคลาสิคตลอดกาล เจมส์ บอนด์ 007

สายลับเจมส์ บอนด์ 007
สายลับเจมส์ บอนด์ 007

น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแต่ละรายละเอียดของ สายลับเจมส์ บอนด์ 007 นั้นมีประวัติที่มาที่ไปอย่างเช่นตัวเลข 007 ที่ถูกติดสอยห้อยอยู่ท้ายชื่อของสาบลับทรงเสน่ห์นั้น มีความหมายแอบแฝงอยู่โดยหมายถึงรหัสลับประจำตัวที่ถูกใช้เรียกแทนตัวเขาที่เป็นหนึ่งในสายลับจากทั้งหมดของรัฐบาลอังกฤษนั่นเอง ซึ่งเลข 00 ที่อยู่ตำแหน่งนำหน้าสุดก็ถือว่าเป็นสัญลักษณ์เพื่อแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า ตัวเขาเป็นสายลับหนึ่งในผู้ที่ได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลต้นสังกัด ว่าสามารถดำเนินการตัดสินใจสังหารฆ่าฝ่ายตรงข้ามหรือผู้อื่นได้ในสถานการณ์คับขันที่สุ่มเสี่ยงที่เล็งเห็นแล้วว่าก่อให้เกิดอันตรายต่อการเสียชีวิต โดยที่ไม่มีความผิดหรือไม่สามารถเอาผิดลงโทษได้ตามกฎหมายนั่นเอง ซึ่งในข้อนี้นักวิเคราะห์วิจารณ์ต่างวิพากษ์เป็นเสียงเดียวกันว่า เอียน เฟลมมิ่ง ผู้ประพันธ์นั้นน่าจะได้รับแรงบันดาลใจจุดเริ่มต้นมาจากสาบลับชื่อดังชาวเมืองผู้ดีในยุคช่วงศตวรรษที่ 16ที่ส่งสัญญาณสารรหัสลับ 00 ให้กับควีนอลิซาเบธที่ 1ที่ครองราชย์สมบัติอยู่ในขณะนั้น โดยเนื้อความของรหัสลับ00นั้นมีความหมายว่า For Your Eyes Only แปลว่าความหมายได้ว่า สำหรับพระเนตรของพระองค์เท่านั้น นั่นเอง  เอียน เฟลมมิ่ง ผู้ประพันธ์นวนิยายชุดสายลับนี้นั้น ได้เริ่มต้นเขียนผลงานชิ้นแรกจนชิ้นสุดท้ายที่บ้านพักต่างอากาศที่โกลเดนอาย ประเทศจาไมกา ในทุกๆช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยประพันธ์หนังสือเจมส์ บอนด์007เล่มแรกซึ่งใช้ชื่อว่า Casino Royale และถูกตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ของ โจนาธาน เคป และตัวเคปเองก็ไม่ได้ชื่อชอบในเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ซักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ได้รับการตีพิมพ์ในปี2496ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ เอียน เฟลมมิ่ง เริ่มประพันธ์หนังสือเล่มนี้นั่นเอง และทุกเล่มของหนังสือชุด เจมส์ บอนด์ 007 นั้นต่างก็ได้รับการตีพิมพ์จากสำนักพิมพ์ของ โจนาธาน เคป เจ้าเดิมทั้งสิ้น โดยหนังสือเล่มนี้นั้นได้รับการดัดแปลงสร้างให้โลดแล่นตัวละครมีชีวิตในจอหนัง โดยถูกสร้างจากอดีตหากนับรวมปัจจุบันด้วยก็มีจำนวนภาคต่อมากถึง 24ภาคด้วยกันถือว่าเป็นหนังสายลับที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเป็นประวัติการและยืนยาวนานมากที่สุดเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันค่ายหนังยักษ์ใหญ่ โคลัมเบียพิคเจอร์ กับเมโทร-โกล์ดเวน-เมเยอร์ เป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ลิขสิทธิ์ของหนังหนังสายลับเรื่องนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้รับการเปลี่ยนมือกันไปมาหลายต่อหลายเจ้าก็ตามโดยพระเอกที่ได้รับการถูกจดบันทึกว่าเป็นสายลับเจมส์ บอนด์ 007 คนแรกนั่นคือ ฌอน คอนเนอรี ในปีพ.ศ. 2505 ในชื่อว่า พยัคฆ์ร้าย 007 (Dr.No) และภาคล่าสุดนักแสดงชายฮอลลีวูดที่ถูกเปลี่ยนมือไปตามยุคสมัยนั่นก็คือ แดเนียล เคร็ก เป็นเจมส์ บอนด์ ซึ่งเขาคือสายลับ 007 คนที่6จากอดีตจนถึงปัจจุบันของหนังเรื่องนี้ และแน่นอนว่าก่อนหน้านั้นเค้าได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนักวิจารณ์หนังชื่อดังและจากแฟนผู้ชมหนังว่าเขานั้นไม่เหมาะที่จะมาแสดงในบทบาทสายลับทรงเสน่ห์เจมส์ บอนด์ตั้งแต่หนังยังไม่เข้าฉายด้วยซ้ำ ซึ่งได้รับเหตุผลว่าหน้าตาของเขานั้นยังหล่อไม่เข้าขั้นรุ่นพี่ในแต่ล่ะยุคนั่นเอง หากแต่เมื่อหนังเข้าฉายในโรงหนังกลับได้รับเสียงชื่นชมและประสบความสำเร็จมากกว่าทุกภาคที่ผ่านมาเสียอีก พร้อมทั้งยกย่อง แดเนียล เคร็ก ว่าเขาคือสายลับเจมส์ บอนด์ที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด!!ตั้งแต่ที่เคยมีมาหากเพราะเป็นความสามารถทางการแสดงของเขานั่นเอง ที่สามารถสร้างให้คนดูเชื่อและคิดว่าเขาคือสายลับ และเสน่ห์ทางการแสดงอันเหลือร้ายเฉพาะตัวของเขาที่ทั้งสมาร์ทและดุดันเร้าใจถูกอกถูกใจคอหนังอย่างคาดไม่ถึง และแน่นอนว่าต่อมาเขาก็ยังเซ็นสัญญารับแสดงในบทบาทนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงและเม็ดเงินอย่างมหาศาลให้กับเขาและถูกจัดเป็นนักแสดงแถวหน้าของวงการฮอลลีวูด ที่ผู้ผลิตหนังต่างรุมจีบส่งบทหนังดีๆมาให้เขาเลือกเฟ้นและแสดงอย่างมากมายนั่นเป็นเพราะความสามารถและ ผลของความสำเร็จของหนังเจมส์ บอนด์นั่นเองที่สร้างโอกาสทางการแสดงให้กับเขา

Bond 007 (2015)
Bond 007 (2015)

และในปี 2015 นี้เองหนังสายลับพันธุ์ระห่ำ อย่าง เจมส์ บอนด์ 007 ก็จะได้กลับมาผงาดในจอหนังออกฉายสู่สายตาแฟนๆผู้ติดตามหนังเรื่องนี้อีกครั้ง ในภาคล่าสุดที่มีชื่อว่า Bond 24 Spectre ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2015 ที่ภาคนี้สายลับ 007 จะต้องสู้ห่ำหั่นกับองค์กรก่อการร้ายสุดอันตรายอย่างSpectre ศัตรูตัวฉกาจที่เคยฟาดฟันกันมาแล้วอย่างเอาเป็นเอาตายในภาคก่อนๆ โดยมีหัวหน้าองค์กรอย่าง เอิร์นส์ สตาฟโร โบลเฟลด์ สายลับพันธุ์ระห่ำอย่างเจมส์ บอนด์ 007 นั้นต้องเจอคู่ปรับเก่าที่งานนี้ภารกิจไม่ง่ายอย่างที่คิด เขาจะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้หรือไปร่วมลุ้นในหนัง เจมส์ บอนด์007 องค์กรลับดับพยัคฆ์ร้าย

Spectre Bond